2024.9.17 สาวร้องถูกเอเจนซีหาคู่หลอกแต่งงานชายจีนไม่ตรงปก ซ้ำฮุบเงินสินสอด 7 แสน เมื่อหนีกลับไทย ถูกตามข่มขู่-คุกคาม
สาวร้องถูกเอเจนซีหาคู่หลอกแต่งงานชายจีนไม่ตรงปก ซ้ำฮุบเงินสินสอด 7 แสน เมื่อหนีกลับไทย ถูกตามข่มขู่-คุกคาม
9 ชั่วโมงที่แล้ว
สาวอดีตพนักงานต้อนรับ อายุ 24 ปี เดินทางมาร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกเอเจนซีหาคู่ หลอกให้ไปแต่งงานกับชายชาวจีนที่อ้างว่าเป็นนักธุรกิจ แต่ปรากฎว่าเมื่อไปถึง ต้องไปอยู่อย่างลำบากบนภูเขาจนต้องหนีกลับมาเอง อีกทั้งยังพบว่าเอเจนซี่ยังได้ฮุบเงินค่าสินสอดไปกว่า 7 แสนบาท
ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนมีคนรู้จักมาแนะนำว่า มีเอเจนซีที่จะช่วยหาคู่ให้ ไปแต่งงานกับชายชาวจีนที่อยากมีภรรยาเป็นคนไทย โดยจะได้ค่าสินสอดหลักแสน อยู่ดีกินดี มีครอบครัวที่ดี ตนจึงสนใจ และลองคุยกับฝ่ายชายผ่านทางแอปพลิเคชันวีแชท โดยฝ่ายชายบอกโปรไฟล์ว่าเป็นนักธุรกิจ มีคอนโดหรูในเมือง ซึ่งคุยกันประมาณ 1 เดือน ก็คุยถูกคอ ตนจึงตอบตกลงที่จะไปจดทะเบียนสมรสและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศจีน โดยเอเจนซีได้ให้เงินมา 9 หมื่นบาท ค่าสินสอด
ทางฝ่ายชายได้ออกค่าใช้จ่ายการเดินทางให้ทั้งหมด ตนเดินทางไปถึงวันที่ 20 สิงหาคม พอไปถึงก็มีแฟนของเอเจนซีพาฝ่ายชายมารับ จากนั้นก็ขับรถไป แต่ระหว่างทางเริ่มเป็นการขึ้นภูเขา ห่างไกลเมืองไปเรื่อยๆ ตนก็แปลกใจว่าจะมีบ้านคนอยู่แถวนี้จริง ๆ หรอ พอไปถึงพบว่า เป็นบ้านหลังสุดท้ายบนภูเขา ห่างไกลจากชุมชนมาก ลักษณะเป็นฟาร์มแกะ ไร่ข้าวโพด ตนก็ถามฝ่ายชายว่าไหนบอกว่าจะพามาอยู่คอนโดหรูในเมือง ฝ่ายชายก็บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยว ต้องมาช่วยแม่ทำงานก่อน แล้วเดี๋ยวจะพากลับลงไปอยู่ในเมือง
ตอนนั้นตนไม่มีทางเลือกแล้วก็เลยลองอยู่ดูก่อน โดยฝ่ายชายได้พาไปจดทะเบียนสมรส แต่พอมาใช้ชีวิตอยู่ ปรากฏว่า ลำบากมาก ไม่มีห้องน้ำ ต้องตักน้ำใส่กะละมังมาไว้ในห้องแล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ ถ้าจะสระผมต้องรอสัปดาห์ละครั้งที่ฝ่ายชายจะพาลงไปใช้ห้องน้ำในชุมชน ส่วนการเข้าห้องน้ำ ก็ต้องไปขุดหลุมในไร่ข้าวโพด ตนจึงกลั้นไว้รอตอนไปสระผม ทำให้ท้องผูก และก็ไม่มีน้ำสะอาดให้กินด้วย
นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังไม่ค่อยอาบน้ำ ทำงานในไร่ในฟาร์ม กลับมาก็ถอดชุดแล้วนอนเลย ตนทนนอนด้วยไม่ได้ ต้องไปนอนที่โซฟา ฝ่ายชายก็ไปฟ้องเอเจนซีว่าตนไม่ยอมนอนด้วย ซึ่งตนก็อธิบายปัญหาให้ฟัง แต่เอเจนซีก็ไม่ช่วยเหลืออะไร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน ตนสบโอกาสตอนที่แม่ฝ่ายชายเข้าไปในไร่ข้าวโพด ตนจึงหาทางหนีโดยต้องแอบเดินออกมาตามไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นขั้นบันไดที่มีเหวลึก ตอนนั้นรู้สึกเสี่ยงตาย แต่ถ้าอยู่ก็ไม่มีอะไร ดีจึงเดินมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินกว่าครึ่งวัน ก็มาพบกับชุมชน จึงขอให้ชาวบ้านช่วยมาส่งในเมือง และต่อรถบัส 4 ชั่วโมงมาที่สนามบินเพื่อรอเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ตนอาศัยอยู่กับฝ่ายชาย ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าหากทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะโดนต่อว่าพูดจาไม่ดี ทั้งนี้ตนก็รู้มาว่า มีกรณีของผู้หญิงคนอื่นที่หาคู่ผ่านเอเจนซีรายเดียวกันนี้ แต่เมื่อไปใช้ชีวิตที่ประเทศจีนแล้ว ถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย
เมื่อตนเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว จึงได้ติดต่อหาเอเจนซี เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าเอเจนซีบังคับให้ตนกลับไป เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับให้กับฝ่ายชาย 350,000 บาท เพราะฝ่ายชายได้ให้เงินค่าสินสอดมาแล้ว
ขณะที่ฝ่ายชายก็พยายามติดต่อมาหาตน และบอกว่า ทำไมถึงต้องหนี เพราะให้เงินค่าสินสอดไป 8 แสนบาท พอที่จะเลี้ยงดูทั้งครอบครัวได้แล้ว ยังไม่พอหรอ ทำให้ตนเพิ่งรู้ว่าเงินที่ฝ่ายชายให้มา เอเจนซีเป็นคนเก็บไว้ และให้ตนมาแค่ 9 หมื่นบาท
จนถึงขณะนี้ ตนก็ถูกเอเจนซีตามมาคุกคามและข่มขู่คนในครอบครัวว่า ถ้าไม่จ่ายค่าปรับก็จะฟ้องและบังคับให้เซ็นสัญญาเงินกู้ วันนี้จึงมาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้พาเข้าแจ้งความเอาผิดกับเอเจนซี และอยากฝากเตือนผู้หญิงที่กำลังคิดจะหาแฟนเป็นคนจีนว่าให้ระวังด้วย
ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า กรณีนี้จะต้องมีการตรวจสอบว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะทางเอเจนซีได้รับเงินจากชายจีนมา 8 แสนบาท เพื่อทำการส่งหญิงไทยไป ซึ่งทีมงานจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และฝากถึงผู้หญิงไทยที่อยากมีสามีเป็นคนจีนว่าให้ระวัง เพราะเคยมีเคสที่ตนไปช่วยเหลือมาได้ เป็นหญิงชาวไทยที่ไปแต่งงานกับชายชาวจีน แต่มีลูกเป็นผู้หญิง จึงถูกทำร้ายทุบตี เพราะครอบครัวฝ่ายชายต้องการให้ได้ลูกชาย
—
一名年轻女子抱怨说,她被婚介所欺骗,嫁给了一名不符合她期望的中国男子。逃回泰国时被跟踪、威胁、骚扰
9 小时前
一名24岁的前接待员女孩前来投诉被婚介所欺骗后被骗嫁给一个自称是商人的中国男人。但事实证明,当我们到达时不得不在山里过着艰苦的生活,直到不得不独自逃亡回来。还发现该机构收取了超过70万泰铢的嫁妆。
—
เอเจนซีโต้ ฝ่ายหญิงใส่สีตีไข่ 80% แจงหนุ่มจีนโอนเงิน 8 หมื่นหยวน หรือ 3.6 แสนบาท ไม่ใช่ 8 แสน
6 ชั่วโมงที่แล้ว
จากกรณีสาววัย 24 ร้อง ถูกเอเจนซีหาคู่หลอกแต่งงานกับชายชาวจีน อ้างเป็นนักธุรกิจ แต่เมื่อไปถึงต้องไปอยู่อย่างลำบากบนภูเขา จนทนไม่ไหวหนีกลับไทย ก็ถูกตามข่มขู่-คุกคาม ซ้ำพบว่าเอเจนซีฮุบเงินค่าสินสอดไปกว่า 7 แสนบาท
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณหญิง เอเจนซี อายุ 30 ปี ที่ถูกกล่าวหา บอกว่า สิ่งที่น้องเล่ามีความจริงบางส่วน แต่ที่เหลือ ใส่สีตีไข่ 80%
โดยคุณหญิง โต้กลับว่า เงินที่ฝ่ายชายโอนให้ตนเอง คือเงินจำนวน 8 หมื่นหยวน หรือ ประมาณ 3.6 แสนบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช่จ่ายเดินเอกสาร ตั๋วเครื่องบิน ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของน้อง 5-6 หมื่นบาท, เงินสินสอดคือ 1 แสนบาท เหลืออีก 2 แสนคือเงินที่ต้องไปซื้อทองก่อนวันแต่งงาน
คุณหญิงเล่าว่า ตนเองแนะนำหญิงไทยให้แต่งงานกับชาวจีนมาประมาณ 12 คนแล้วในช่วงระยะเวลา 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านที่รู้จักกัน แล้วเห็นว่าตนเองแต่งงานกับชาวจีนแล้วได้ดี ก็เลยให้แนะนำ
ซึ่งเคสของน้องแบ๋ม ตนเองก็แนะนำไปให้กับฝ่ายชายที่รู้จักกัน ซึ่งอยู่ที่เมืองผิงเหลียง มณฑลกานซู ยืนยันว่าได้แจ้งมาตลอดว่า ฝ่ายชายทำงานฟาร์มวัว และมีอพาร์ตเมนต์อยู่ในเมือง ซึ่งฝ่ายหญิงก็ทราบมาโดยตลอด เพราะเคยมีการวิดีโอคอลคุยกับผู้ชายตั้งแต่ก่อนเดินทางไปแล้ว และยืนยันไม่เคยบอกว่าเป็นนักธุรกิจ บอกแค่ว่า เดี๋ยวเคลียร์งานที่ฟาร์มเสร็จ ปีหน้าจะย้ายไปอยู่คอนโด
แต่เมื่อเดินทางไปถึงฝ่ายหญิงกลับเหวี่ยงใส่ฝ่ายชาย ทั้งเรื่องไม่ได้ดื่มน้ำขวด และอีกหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งตนเองก็พยายามสอบถามว่าโอเคไหม และเป็นคนกลางช่วยพูดคุยให้ตลอด ซึ่งหากไม่โอเคก็ยังไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรส เพราะเดี๋ยวจะวุ่นวายเรื่องเอกสาร แต่ฝ่ายคุณแบ๋มบอกว่า โอเค ครอบครัวเขาดีกับหนู
จากนั้ยเลยนั่งรถไปเมืองใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 400 กิโลเมตร เพื่อจดทะเบียน แต่น้องเมารถ เลยวีนฝ่ายชาย ฝ่ายชายถามว่าไม่โอเคที่จะจดทะเบียนหรอ ไม่โอเคให้บอกตน น้องบอกว่า ไม่เป็นไร แค่เมารถ
แต่หลังจากนั้น เมื่อคุณหญิงโอนเงินค่าสินสอดไปให้ครบ น้องบอกว่า จะกลับ อยู่ไม่ได้ ก็เลยถามว่า ทำไมก่อนจะจดทะเบียนอยู่ได้
ตอนที่น้องบอกว่าจะกลับ ตนบอกว่า ถ้าอยู่ไม่ได้ ก็ไปหย่าแล้วค่อยกลับ และขอเวลา 2 วัน ให้แฟนตนกลับมาแล้วจะขึ้นไปคุยให้ ไม่ใช่ไม่ให้กลับ แต่มาตามขั้นตอน เพราะตอลมาแต่งงาน ตอนกลับก็ต้องหย่าตามขั้นตอน หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้ มารู้อีกทีคือน้องหนีไปแล้ว
ทั้งนี้ ตนเองไม่กังวล ที่ฝ่ายหญิงไปร้องกับทางสายไหมต้องรอด เพราะมีหลักฐานทุกอย่าง และมีพยานด้วย
เมื่อถามว่าแล้วคุณคุณหญิงจะได้อะไรจากการแนะนำให้ไปแต่งงานที่จีน เจ้าตัวอธิบายว่า เป็นธรรมเนียมของบ้านแฟนตน ว่าถ้าแนะนำคู่ให้ จะมีค่าแนะนำให้ 1 หมื่นหยวน หรือประมาณ 4.6 หมื่นบาท
ทั้งนี้ ผู้ชายขอค่าสินสอดคืนและค่าใช้จ่ายคืน 160,000 บาท ส่วนค่าโทรศัพท์ และค่าเสื้อผ้าที่ซื้อให้น้องผู้หญิง ผู้ชายบอกไม่เอา
ตนเองอยากบอกกับน้องว่า เรื่องหย่าไม่ต้องกลัวและไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้กลับมา ให้เพจสายไหมต้องรอด หรือใครพาไปก็ได้ และขอให้เอาโทรศัพท์ของคุณหญิงมาคืนด้วย
ส่วนคนที่น้องอ้างว่าส่งไปแล้วถูกฝ่ายชายทำร้าย ก็เป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน ซึ่งก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าตีจะเป็นจะตาย ซึ่งคนนั้นก็ขอหย่า แล้วก็มีการตกลงกันผ่านตำรวจตามขั้นตอน
—
6 小时前
来自一名24岁女孩抱怨自己被婚介所欺骗嫁给一名中国男子的案例。自称是商人但当他到达后,却不得不在山里过着艰苦的生活。直到他实在受不了,逃回泰国。被跟踪、恐吓、骚扰还发现该机构收取了超过70万泰铢的嫁妆。
新闻团队采访了被指控的30岁经纪人Khunying
2024.9.15 Two Chinese nationals were arrested on Saturday at a motorway rest stop in Chachoengsao province for attempted theft and illegal entry into Thailand, leading to an investigation into the involvement of a larger call-centre scam network.
Two Chinese nationals arrested over involvement in thefts from cars
SUNDAY, SEPTEMBER 15, 2024
Their arrests in Chachoengsao point to the role of a call-centre scam network
Two Chinese nationals were arrested on Saturday at a motorway rest stop in Chachoengsao province for attempted theft and illegal entry into Thailand, leading to an investigation into the involvement of a larger call-centre scam network.
The arrests of Zhang Jin, 38, and Zheng Hong, 31, by the Highway Police and Chachoengsao police followed a series of thefts at the Bang Pakong motorway rest stop, where a gang had been breaking into parked cars, particularly targeting credit cards.
Police obtained crucial evidence from CCTV footage at the scene, and learned about their modus operandi. Police said the gang operated systematically with members assigned specific roles. Their method involved lurking near parking spaces at the rest stop. When victims parked and prepared to leave their cars, one group would use a signal jammer to block the remote lock signal, preventing the car from locking.
Another group would then distract the victim by pretending to talk on the phone nearby, ensuring the driver did not notice the car was not locked. Once the driver left the area, a third group would move in to steal valuables from inside the car.
Police set up surveillance around the area and spotted the two arrested suspects at the crime scene. After closely monitoring their movements, officers arrested the pair as they attempted to break into two cars. When police searched their room, they found equipment used in the thefts, which was seized as evidence.
Investigation revealed that before their arrest, a 20-year-old Thai woman, who was Zheng Hong’s girlfriend, had dropped them off at the motorway rest stop and driven away. Police later expanded the investigation and searched her condominium on Rama 9 Road. Some quantity of ketamine was reportedly found in her room, leading to her arrest.
During questioning, Zhang Jin denied the accusations, while Zheng Hong confessed. Although Zheng Hong’s girlfriend was not yet found to be involved in the thefts, she was charged with drug possession.
Following the arrests, authorities investigated how the stolen credit cards were used, and found that the cards had been swiped through a payment machine. It is suspected that the machine was linked to a merchant or location abroad. This aligns with the ongoing investigation, which suggests the group is connected to a larger call-centre scam network that has been defrauding people.
Authorities are continuing to expand the investigation.
—
两名中国公民因涉嫌汽车盗窃被捕
他们在北柳府被捕,表明呼叫中心诈骗网络在其中发挥了作用
两名中国公民于周六在北柳府的一个高速公路休息站因企图盗窃和非法入境泰国而被捕,此举引发了对更大规模呼叫中心诈骗网络参与情况的调查。
公路警察和北柳警方逮捕了 38 岁的张进(Zhang Jin)和 31 岁的郑红(Zheng Hong),此前,邦巴空高速公路休息站发生了一系列盗窃案,当时一伙盗窃团伙破门抢劫停放的汽车,尤其是信用卡。
警方从现场的闭路电视录像中获得了关键证据,并了解了他们的作案手法。警方表示,该团伙有条不紊地进行作案,成员被分配了特定的角色。他们的作案手法包括潜伏在休息站的停车位附近。当受害者停车并准备离开汽车时,其中一伙人会使用信号干扰器屏蔽遥控锁信号,使汽车无法锁上。
另一伙人随后会在附近假装打电话,分散受害者的注意力,确保司机没有注意到车子没有锁。一旦司机离开该区域,第三伙人就会进入车内偷走贵重物品。
警方在该地区周围设置了监视点,并在犯罪现场发现了两名被捕嫌疑人。在密切监视他们的行动后,警察在他们试图闯入两辆汽车时逮捕了他们。当警察搜查他们的房间时,发现了盗窃所用的设备,并作为证据被没收。
调查显示,在两人被捕前,一名20岁的泰国女子(郑红的女友)将两人送到高速公路休息站后驾车离开。警方随后扩大调查范围,搜查了郑红位于拉玛九路的公寓。据称,警方在其房间内发现了一定数量的氯胺酮,并将她逮捕。
在审讯中,张进否认了这些指控,而郑红则供认不讳。尽管郑红的女友尚未被认定参与盗窃,但她被指控持有毒品。
逮捕嫌疑人后,当局调查了被盗信用卡的使用情况,发现这些卡是通过付款机刷卡的。怀疑这台付款机与国外的商家或地点有关联。这与正在进行的调查结果一致,这表明该团伙与一个更大的诈骗呼叫中心网络有关。
当局正在继续扩大调查。
—
THAI POLICE BUST CHINESE DUO USING SIGNAL JAMMERS FOR CAR THIEVES
CHACHOENGSAO — Two Chinese men commit cunning theft using a remote signal jamming device at motorway rest stops. Police caught them red-handed and discovered a method of draining money from credit cards linked to call center gangs.
Chachoengsao police received multiple reports of thefts at the Bang Pakong motorway rest area, where cars were broken into and valuables, especially credit cards, were stolen from inside. This caused significant distress to motorists using this route.
Bang Pakong police in Chachoengsao province coordinated with central investigation police to urgently track down the criminals. They found crucial leads from CCTV footage at each crime scene.
The suspects appeared to be Chinese and often used similar crime patterns, operating as an organized group with clear role division between Mr. Zhang, 38, and Mr. Zheng, 31.
On September 15, they spread out to observe the suspects at the crime scene and jointly arrested the two Chinese suspects at the motorway rest area in Khao Din subdistrict, Bang Pakong district, Chachoengsao province.
The officials, aware of the criminals’ clear modus operandi, spread out to observe the area. When the two appeared, the police waited for them to attempt to break into two cars before revealing themselves and making the arrest.
They then searched their room and found equipment used for the crimes, including 1 remote signal jammer, 3 mobile phones, 1 shoulder bag. They also seized 1 car key and 1 car as evidence.
Police bring two Chinese suspects to their residence to search for equipment used in the crimes. They discover 1 remote signal jammer, 3 mobile phones, and 1 shoulder bag. They also seize 1 car key and 1 car as evidence.
Both were charged with “joint attempted theft using a vehicle” and “being an alien entering and residing in the Kingdom without permission”. Zhang denied the charges, while Zheng confessed. They were then handed over to the Crime Suppression Division investigators.
The investigation revealed that this gang would lurk near parking spaces at motorway rest areas. When they saw a victim park and about to exit their car, the first group of thieves would use a signal jammer to block the remote control signal, preventing the car from locking.
Another group would then approach to distract the victim by talking on the phone nearby, so the victim wouldn’t notice their car was unlocked. Once the victim walked away from the car, another group of criminals lying in wait would open the car door and steal the valuables inside.
Furthermore, it was discovered that a Thai woman, later identified as Ms. Ketfa Theeranat, aged 20, who is Mr. Zheng’s girlfriend, had been in the same car as the suspects before being dropped off at the motorway rest area.
When searching Ms. Ketfa Theeranat’s room at a condominium in the Rama 9 area, ketamine was found. She was additionally arrested on charges of “possession of psychotropic substances (ketamine) without permission” before being sent to Makkasan Police Station.
Meanwhile, officials discovered the method the suspects used to withdraw money from the victims’ credit cards. They used card readers, which are suspected to be linked to stores or usage areas abroad. This aligns with investigative information suggesting that this criminal group might be connected to call center gangs that have defrauded money from many networks.
The case will be further investigated to expand on these findings.
—
北柳府——两名中国男子在高速公路休息站使用遥控信号干扰装置实施狡猾盗窃。警方当场抓获了他们,并发现了一种从与呼叫中心团伙有关的信用卡中盗取资金的方法。
北柳府警方接到多起在邦巴空高速公路休息区发生盗窃的报告,车辆被砸烂,车内贵重物品(尤其是信用卡)被盗。这给使用此路线的驾车者带来了极大的困扰。
北柳府邦巴功警方与中央调查警察协调,紧急追捕罪犯。他们从每个犯罪现场的闭路电视录像中找到了关键线索。
这些犯罪嫌疑人似乎是中国人,他们经常使用相似的作案手法,是一个有组织的团伙,38 岁的张和 31 岁的郑之间分工明确。
此外,警方还发现,一名泰国女子,后被确认为郑的女友,现年 20 岁的 Ketfa Theeranat 女士,在被送到高速公路休息区之前,曾与嫌疑人乘坐同一辆车。
在对 Ketfa Theeranat 女士位于 Rama 9 区公寓的房间进行搜查时,警方发现了氯胺酮。她还因“未经许可持有精神药物(氯胺酮)”的指控被逮捕,随后被送往 Makkasan 警察局。
2024.9.14 สืบเนื่องจากภรรยาของผู้เสียหายได้เปิดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย พบข้อความไลน์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พบข้อความว่า “มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล” และมีรายละเอียดในข้อความดังกล่าวพร้อมแจ้งว่าได้ทำการลงทะเบียนรับสิทธิ์ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและคืนเงินค่ามิเตอร์หรือยัง จากนั้นคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายทำรายการตามที่คนร้ายได้ส่งข้อมูลมาทางไลน์ ซึ่งคนร้ายได้ส่งลิงก์และให้กรอกข้อมูลตามที่กำหนด ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ทำรายการตามที่คนร้ายได้บอกทุกขั้นตอน จนเสร็จสิ้น โดยคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายสแกนใบหน้าของผู้เสียหาย ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้เสียหายทำการสแกนใบหน้าจำนวน 2 ครั้ง จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าเรียบร้อยแล้วและได้ทำการวางสายโทรศัพท์ไป จนกระทั่งผู้เสียหายได้มาทำการถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ปรากฎว่าเงินในบัญชีธนาคารของ ผู้เสียหายได้ถูกโอนไปเข้าบัญชีธนาคารคนร้าย จำนวนเงิน 228,700 บาท
ตำรวจไซเบอร์รวบเพิ่มแก๊งอ้างการไฟฟ้า หลอกสแกนหน้า สูญเงินกว่าสองแสนบาท
ตำรวจไซเบอร์รวบเพิ่มแก๊งอ้างการไฟฟ้า
หลอกสแกนหน้า สูญเงินกว่าสองแสนบาท
.
สืบเนื่องจากภรรยาของผู้เสียหายได้เปิดโทรศัพท์ของผู้เสียหาย พบข้อความไลน์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พบข้อความว่า “มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล” และมีรายละเอียดในข้อความดังกล่าวพร้อมแจ้งว่าได้ทำการลงทะเบียนรับสิทธิ์ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและคืนเงินค่ามิเตอร์หรือยัง จากนั้นคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายทำรายการตามที่คนร้ายได้ส่งข้อมูลมาทางไลน์ ซึ่งคนร้ายได้ส่งลิงก์และให้กรอกข้อมูลตามที่กำหนด ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ทำรายการตามที่คนร้ายได้บอกทุกขั้นตอน จนเสร็จสิ้น โดยคนร้ายได้ให้ภรรยาของผู้เสียหายสแกนใบหน้าของผู้เสียหาย ภรรยาของผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้เสียหายทำการสแกนใบหน้าจำนวน 2 ครั้ง จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าเรียบร้อยแล้วและได้ทำการวางสายโทรศัพท์ไป จนกระทั่งผู้เสียหายได้มาทำการถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ปรากฎว่าเงินในบัญชีธนาคารของ ผู้เสียหายได้ถูกโอนไปเข้าบัญชีธนาคารคนร้าย จำนวนเงิน 228,700 บาท
.
ซึ่งต่อมา กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้จับกุมหนึ่งในขบวนการแอบอ้างการไฟฟ้า หลอกภรรยาให้สแกนหน้าสามี จนสูญเงินไปกว่าสองแสนบาท ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 กวาดล้างจับกุมขบวนการหลอกเป็นการไฟฟ้าติดตั้งแอปดูดเงินอย่างต่อเนื่อง
.
ต่อมาวันที่ 12 ก.ย.67 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.มนันญาฯ อายุ 33 ปี ชาว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในซอยเจ้าพ่อกวนอู หมู่ 1 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
.
จึงทำการวางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ที่ จ.220/2567 ลง 8 ส.ค.67 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยการปลอมตัวเป็นผู้รับ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และหมายจับของศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ จ.92/2567 ลง 19 ก.ค.67 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยการปลอมตัวเป็นผู้รับ ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” และมีความเชื่อมโยงกับคดีในพื้นที่ สภ.ชนบท และ สภ.บ่อผุด โดยมีการเปิดบัญชี รวม 3 ธนาคาร มูลค่าความเสียหายรวมทุกพื้นที่ กว่า 2 ล้านบาท โดยจับกุมได้ขณะยืนอยู่บริเวณริมถนนในซอยศาลเจ้าพ่อกวนอู หมู่ 1 ต.บ้านช้าง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สอท.3 มาดำเนินคดีได้ในที่สุด
—
网络警察逮捕了一个冒充电力部门的团伙,欺骗妻子扫描丈夫的脸直到损失超过二十万泰铢
受害人的妻子打开了受害人的手机,在省电力局专线上发现一条信息,上面写着“按照政府政策办理电费帮助措施”,信息里有详细信息,包括您是否登记了电费帮助和退电表费用。歹徒随后通过Line发送的信息,让受害人的妻子完成交易。犯罪分子发送了一个链接并要求填写所需信息。随后,受害人的妻子按照犯罪分子讲述的每一步完成了交易。犯罪分子让受害人的妻子扫描了受害人的面部。受害人的妻子随后要求受害人进行面部扫描两次后,歹徒告知她已经完成并挂断电话。直到受害人来到ATM机取钱。原来,受害人已将228,700泰铢银行账户里的钱转入犯罪分子的银行账户。
2024.9.14 ตำรวจไซเบอร์บุกรวบ “แม่น้อง กัปตันนน” และ “เจ้าแม่เงินกู้สะเดา” เงินกู้ดอกโหดจังหวัดสงขลา ดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 60 ต่อเดือน
ตำรวจไซเบอร์บุกรวบ “แม่น้อง กัปตันนน” และ “เจ้าแม่เงินกู้สะเดา” เงินกู้ดอกโหดจังหวัดสงขลา ดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 60 ต่อเดือน
ตำรวจไซเบอร์บุกรวบ “แม่น้อง กัปตันนน” และ “เจ้าแม่เงินกู้สะเดา”
เงินกู้ดอกโหดจังหวัดสงขลา ดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 60 ต่อเดือน
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, กลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ และการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาขนจากนายทุนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
.
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.5 ลงพื้นที่ออกสืบสวนหาข่าว จนพบเบาะแสการกระทำผิดบนสื่อโซเชียล ว่ามีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Kanyapad Rodmeteesopon” ได้ปล่อยเงินกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 30 ต่อเดือน โดยมีพฤติกรรมโพสต์ปล่อยเงินกู้นอกระบบในแพลตฟอร์ม Facebook โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวตนและที่พักอาศัยของเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ว่าอยู่ในพื้นที่ ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดนาทวีออกหมายค้นสถานที่เป้าหมายได้สำเร็จ
.
กระทั่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนาทวี ที่ 85/2567 ลง 10 ก.ย.2567 ให้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.2 ซอยริมด่าน 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ติดต่อกันจนถึงเวลา 18.00 น. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ นางสาวกัญญาภัทร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน ผลการตรวจค้น พบเอกสารหลักฐานการจัดให้มีการประกอบสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 3 ฉบับ อยู่ภายในห้องนอนของบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจึงได้ทำการตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำความผิดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาให้ น.ส.กัญญาภัทรฯ ทราบว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5 16 ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 เรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2548 ข้อ 1” เบื้องต้น น.ส.กัญญภัทรฯ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.5 ได้ตรวจพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “แม่น้อง กัปตันนน” ได้ปล่อยเงินกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 บาท ต่อวัน หรือร้อยละ 60 บาทต่อเดือน อย่างเช่น กู้เงินต้น จำนวน 3,000 บาท ต้องจ่ายเงินวันละ 250 บาท เป็นเวลา 20 วัน มีพฤติกรรมข่มขู่และใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อว่าลูกหนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวตนและที่พักอาศัยของเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ว่าอยู่ในพื้นที่ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสงขลาออกหมายค้นสถานที่เป้าหมายได้สำเร็จ
.
กระทั่ง เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 เวลาประมาณ 07.05 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา ที่ ค.253/2567 ลงวันที่ 11 ก.ย.2567 เข้าดำเนินการตรวจค้น หลังหนึ่ง ในซอยปลักวา 1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผลการตรวจค้นพบข้อมูลการกระทำความผิดในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.ลักษณพรฯ จากการสอบถาม น.ส.ลักษณพรฯ รับว่าตนเองได้ปล่อยเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจริง และมีการโพสต์ชักชวนให้ลูกค้าเข้ามากู้ยืมเงินทางออนไลน์จริง และตนเองไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “1.ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยการจัดหามาซึ่งเงินทุน แล้วให้ผู้อื่นกู้ยืมโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” จากนั้น จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมายัง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
—
网络警察突袭逮捕“农船长母亲”和“沙道高利贷者”
宋卡府的高息贷款每月利率超过60%
泰国皇家武装警察部队总司令瓦塔那空班查 (Wattanakornbancha) 已下令网络警察扫荡并逮捕与非法债务有关的犯罪分子。尤其是债权人索取超过利率的利息,采用暴力催债行为。打击一切形式的科技犯罪,以减轻人民因资本家高息贷款而遭受的苦难。
2024.9.9 แกะรอยแก๊งคอลเซนเตอร์ทุนจีนเทา บุกเมืองพญาตองซู เมียนมา หลังพบคนจีนวัย 29 ปี “ลากตรวนหนีตาย”เข้ามาฝั่งไทย อ้างสมัครใจแต่ถูกบังคับให้ทำงานอื่นจนถูกทำโทษ ฝ่ายความมั่นคงชี้คนจีนทะลักด่านเจดีย์สามองค์
แกะรอยคอลเซนเตอร์พญาตองซู “ลากตรวนหนีตาย”
แกะรอยแก๊งคอลเซนเตอร์ทุนจีนเทา บุกเมืองพญาตองซู เมียนมา หลังพบคนจีนวัย 29 ปี “ลากตรวนหนีตาย”เข้ามาฝั่งไทย อ้างสมัครใจแต่ถูกบังคับให้ทำงานอื่นจนถูกทำโทษ ฝ่ายความมั่นคงชี้คนจีนทะลักด่านเจดีย์สามองค์
ชายชาวจีน ในสภาพข้อเท้า 2 ข้างถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ถูกพบช่วงเช้ามืดวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ฝั่งไทย ใกล้ด่านเจดีย์สามองค์ ชายแดนไทยเมียนมา อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทีมข่าวลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง
หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นชายคนนี้นั่งอยู่หน้าปากซอยเกษตร 5 ตั้งแต่เช้ามืด แต่คาดว่าเดินออกมาจากซอยพานิชย์ 9 ซึ่งอยู่อีกฝากหนึ่งของถนนท้ายซอยพานิชย์ 9 เป็นจุดที่สามารถเดินข้ามแดนไปบ้านเจดีย์ล่าง เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาได้
ทีมข่าวเดินทางไปที่เมืองพญาตองซู พบว่าจุดที่เชื่อมกับท้ายซอยพานิชย์ 9 มีกาสิโนอยู่อย่างน้อย 3 แห่ง ซึ่งคนจีนที่ลากตรวนหนีเข้ามาอาจจะมาจากที่ใดที่หนึ่งใน 3 แห่งนี้
กาสิโนแห่งแรก ทีมข่าวพบคนจีนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ด้านนอกตัวอาคาร ส่วนที่นี่เป็นกาสิโน อยู่ใกล้กับชายแดนไทยมากที่สุด ติดกับท้ายซอยพานิชย์ 9 ของฝั่งไทย
ป้ายด้านหน้า มีข้อความภาษาไทยเมื่อเข้าไปด้านในพบว่า นักพนันส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา แต่พนักงานเป็นคนจีน
ไม่ไกลจากกาสิโนทั้ง 3 แห่งยังมีอาคารชุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมองเห็นได้จากฝั่งไทยคนในพื้นที่บอกว่าเป็นแหล่งสแกมเมอร์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในปีนี้
มีข้อมูลว่า คนจีนที่พบลากตรวนหนีเข้ามาในประเทศไทยรายนี้ เดินทางจากประเทศจีน ไปที่ประเทศลาว ก่อนเดินทางต่อโดยเครื่องบินจากนครหลวงเวียงจันทน์ มาที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นนั่งรถยนต์ต่อมา จ.กาญจนบุรี ก่อนลักลอบเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติไปที่เมืองพญาตองซู
พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า จากการสอบสวนพบว่า ชายชาวจีนอายุ 29 ปี เดินทางไปทำงานด้วยความสมัครใจ แต่เมื่อถึงที่หมายกลับถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่อยากทำ จึงปฏิเสธจนถูกทำโทษ
ขณะนี้ถูกดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และถูกส่งต่อไปให้ตรวจคนเข้าเมืองกาญจนบุรี ส่งกลับประเทศต้นทาง
การเคลื่อนย้ายของชาวจีนมาที่พญาตองซู ถูกมองว่าอาจเป็นผลจากกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (บีจีเอฟ) ประกาศเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ให้กลุ่มธุรกิจออน ไลน์ และผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายที่อยู่ในรัฐกะเหรี่ยง และเมืองเมียวดี ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 31 ต.ค.นี้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เก็บข้อมูลพบคนจีนเดินทางมุ่งหน้าไปด่านเจดีย์สามองค์จำนวนมาก ตำรวจในพื้นที่พบคนจีนไม่มีเอกสารแสดงตัวตนมุ่งหน้าไปด่านเจดีย์สามองค์หลายครั้ง บางคนพกอุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์ไอทีไปกับสัมภาระด้วย
ฝั่งเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา มีรายงาน คนจีนกว้านซื้อที่ดิน และเช่าที่อยู่ระยะยาว บริเวณริมถนนสายหลักหน้าด่านเจดีย์สามองค์ ไปจนถึงทะเลสาบอูโลน ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กิโลเมตร
ส่วนถนนศรียาดานา ฝั่งเมียนมา ซึ่งขนานไปกับชายแดนไทย พบมีทั้งบ่อนขนาดเล็ก ไปจนถึงกาสิโนขนาดใหญ่ ทั้งที่มีอยู่แล้ว และกำลังก่อสร้างจำนวนมาก
หลายแห่งมีข้อมูลว่า เป็นทุนจีนที่ย้ายฐานมาจากเมืองเมียวดี ติดกับชายแดนจ.ตาก และเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีรายงานการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานอย่างต่อเนื่อง
แม้ที่ผ่านมายังไม่เคยมีรายงานการช่วยเหลือ ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในเมืองพญาตองซู แต่การปรากฏตัวของคนจีนถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการย้ายฐานของธุรกิจจีนสีเทามายังเมืองพญาตองซู อย่างที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ มาก่อนหน้านี้
—
中國男偷渡緬甸打工拒詐騙 慘遭折磨戴腳鐐逃入泰國
一名29歲的中國男子從緬甸浦亞棟素城詐騙窩點出逃,戴著腳鐐於近日深夜在北碧府三塔檢查站附近被發現。他聲稱是自願到緬甸,但在那被迫從事不願做的工作,他拒絕遭懲罰,在遭受種種虐待後決心逃離。
有目擊者透露,8月29日淩晨後,該名男子在泰國邊境Soi Kaset 5區域被發現,估計他是從靠近緬甸的帕尼9巷那邊跑出來的,而臨近Soi Kaset 5區域的緬甸邊境地帶有至少3個賭場,這些賭場多數是中國人運營。第一家賭場是最靠近泰國邊境的,和泰國這邊的帕尼9巷相連。賭場前面是泰國文字,但賭徒大多數來自緬甸,而員工都是中國人。
距離3個賭場不遠的另一棟樓房,當地人說這是今年新設立的詐騙窩點,從泰國這邊就可以望得見這棟房屋。
根據該名男子的說法,他是自願到緬甸,從中國出發抵達老撾萬象,然後轉機到素汪納普機場,再乘車前往北碧府,最後偷渡進入緬甸浦亞棟素城,然而卻在那里被逼從事不願意做的工作,拒絕後遭受非人懲罰。
他不堪忍受非人待遇,戴著腳鐐逃離,歷經艱險穿越緬甸邊境,潛逃到泰國境內。現在他已經被轉送北碧府移民局,等待遣返回國。
有消息指出,這群中國人之所以轉移到浦亞棟素城,估計是因為緬甸克倫民族聯盟要求從事線上業務以及非法入境人員全部於10月31日之前離開該區域。從維穩部門工作人員收集的資料發現,有大量中國人直奔三塔關,該地區警方多次遇到沒有身分證件的中國人,有的攜帶通訊設備、IT設備和行李一起。
有報導稱,有不少中國人在浦亞棟素城大肆購買土地,在三塔檢查站前的主幹道長期租賃住宅,這個地方距離泰國邊境僅約1公里,可能是泰國灰產從妙瓦底轉移的一個訊號。
2024.8.28 ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างชื่อธนาคารดังหลอกลงทุน โวโอนพันเดียวรับกำไร 3 หมื่น สุดท้ายเหยื่อโดนไป 1.1 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างชื่อธนาคารดังหลอกลงทุน
โวโอนพันเดียวรับกำไร 3 หมื่น สุดท้ายเหยื่อโดนไป 1.1 ล้าน
.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 ได้มีคนแปลกหน้าทักไลน์พร้อมแนบลิงก์ส่งให้ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์พบว่าเป็นโฆษณาชักชวนลงทุนโดยอ้างบริษัทซิตี้แบงก์ โดยโฆษณาว่าลงทุนเพียง 1,000 บาท จะได้กำไร 30,000 บาทต่อเดือน ผู้เสียหายเห็นว่าได้กำไรเยอะ จึงหลงเชื่อและโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายจำนวน 1,000 บาท
.
หลังจากนั้นคนร้ายได้ส่งข้อความทางไลน์กลับมาแจ้งว่า การลงทุนแค่ 1,000 บาท มีความเสี่ยงสูง ต้องลงทุนเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายอีกจำนวน 8,999 บาท จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าให้ลงทุนเพิ่มอีกเพื่อจะได้ถอนเงินออก โดยครั้งนี้เป็นการลงทุนหลักหมื่นเพื่อจะได้กำไรกลับมานับหลายแสน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก 99,678 บาท ต่อมาคนร้ายแจ้งว่าต้องลงทุนเพิ่มอีกเนื่องจากยังไม่ครบจำนวนที่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปยังบัญชีธนาคารคนร้ายอีก 124,379 บาท
.
ภายหลังคนร้ายแจ้งว่าจากการที่ลงทุนไปทั้งหมด ผู้เสียหายได้กำไร 2,000,000 บาท แต่ผู้เสียหายต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน 46,642 บาทก่อน ถึงจะถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงโอนยอดดังกล่าวไปให้คนร้ายอีก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าต้องชำระค่าภาษีเงินได้อีกจำนวน 72,555 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายโอนผิดจำนวนต้องโอนใหม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก 72,554 บาท จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่า ผู้เสียหายต้องจ่ายค่าเทรนเนอร์อีก 100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพิ่มอีก จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าต้องจ่ายค่าสรรพากรอีก 120,909 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพิ่มไป จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการอีก 60,499 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไป จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าจำนวนเงินที่ผู้เสียหายได้รับนั้นมีจำนวนมาก ทางบริษัทต้องดำเนินการแบบระดับ VIP จึงต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายบันทึกรายการผิดต้องโอนใหม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปยังบัญชีธนาคารคนร้ายเพิ่มอีกจำนวน 80,000 บาท
.
หลังจากนั้นผู้เสียหายเริ่มรู้สึกผิดสังเกต จึงไปปรึกษาเพื่อนและทราบว่าตนเองถูกหลอกแล้ว รวมโอนเงินให้คนร้ายจำนวน 18 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,107,505 บาท จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดี
.
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย
.
กระทั่ง ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า น.ส.รัชนาถฯ อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ได้พักกบดานอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรแห่งหนึ่งในซอยวัดกู้ หมู่ 3 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงนำกำลังวางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะยืนอยู่บริเวณริมถนนหน้าอาคาร ในหมู่บ้านเอื้ออาทรดังกล่าว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 ดำเนินคดี พร้อมเร่งขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเพิ่มเติมต่อไป
—
受害人陷入“转1000泰铢,获利3万泰铢”的欺诈性投资骗局,总共向骗子转账18次,总损失达1,107,505泰铢。
2024.8.23 เมื่อวันที่ 22สิงหาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 3 ราย แปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู โดยพบว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มียอดเงินหมุนเวียน 55,000ล้านบาท
สตม.จับต่างชาติ แก๊งคอลฯชาวจีน ปลอมพาสปอร์ต 8เกาหลีตุ๋นลงทุน
สตม.จับต่างชาติ
แก๊งคอลฯชาวจีน
ปลอมพาสปอร์ต
8เกาหลีตุ๋นลงทุน
สตม.โชว์ผลงาน รวบตัว3 ผู้ต้องหาชาวจีน หนีคดีฉ้อโกงทรัพย์ ถือหนังสือเดินทางสัญชาติวานูอาตู เข้าไทย พบข้อมูลเป็นหัวหน้าเว็บพนันข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเงินหมุนเวียนถึง 5.5 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 22สิงหาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 3 ราย แปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู โดยพบว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มียอดเงินหมุนเวียน 55,000ล้านบาท
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ส่งคำร้องให้ทางการไทย ช่วยติดตามจับตัวนายซู สัญชาติจีน อายุ 47 ปี ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และความผิดฐานเปิดบ่อนการพนันซึ่งจากการสืบสวนพบว่านายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เข้ามาประเทศไทย แทนหนังสือเดินทางของประเทศจีน นอกจากนี้ยังพบนางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซู ถือหนังสือเดินทางของประเทศวานูอาตู เข้ามาในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
จากการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อตรวจสอบประวัติได้รับแจ้งว่าบุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจางและนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหาเปิดบ่อนพนันโดยการสืบสวนยังทราบว่าทั้ง 3 มีพฤติการณ์ย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุมตัวอย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมทั้ง 3 ได้ที่บ้านพักหรูแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี และจากการเข้าตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของทั้ง 3 เบื้องต้นจากการสอบถามนายซู รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของนายซู และนางจางนั้น ได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ “หญิงฟา” ซึ่งจัดให้มีการเล่นเป็นพนันออนไลน์ มีสมาชิกในการเล่นพนันและเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ตัวนายซู ยังเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้อื่นทางโทรคมนาคมด้วย
อีกราย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเกาหลีใต้8 คน ภายหลังได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้เช่าห้องพักภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์เกี่ยวพันกับแก๊งพนันออนไลน์ รวมทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งหลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออกประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI”
ส่วนผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นห้องเล็กมีคอมพิวเตอร์8 ชุด ขณะที่ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์12 ชุด แต่ละชุดมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ลักษณะพูดคุยชักชวนให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริง แต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง และไอแพด 4 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทั้ง 8 รับสารภาพว่าได้ถูกว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยในลักษณะการเป็นตัวแทนหาลูกค้าโดยพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียรูปแบบต่างๆ ชักชวนให้ร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว มีค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นตร์จากการหาลูกค้าให้นำเงินมาลงทุนได้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 ในความผิดข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีและประสานข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป
—
移民局大展拳脚,宣布逮捕3名改国籍为瓦努阿图的中国犯罪嫌疑人。信息查出他们是跨国在线赌博网络的负责人和呼叫中心团伙的头目,营业额达550亿泰铢。
—
รวบหัวหน้าเว็บพนัน-แก๊งคอลฯชาวจีน พร้อมสมุน ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บช.สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต. ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผู้กำกับการ4กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.ท.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังพร้อมหมายค้นของศาลพัทยา เข้าตรวจค้นบ้านพักหรูแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สามารถจับกุม นายซู อายุ 47 ปี นางจาง อายุ 46 ปี และ นายซู เจียง อายุ 39 ปี ทั้งสามคนสัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน ในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และเปิดคาสิโน” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค หลายรายการและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเเปลงสัญชาติ
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า เนื่องจากทางสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ข้อความร่วมมือมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้จับตัวนายซู อายุ 47 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้ออกหมายจับในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดคาสิโน เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดียังประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน ต่อมา กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่า นายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 อีกทั้งพบว่าไม่ได้มีแค่นายซู เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเข้ามาไทย แต่ยังพบว่ามีเครือญาติของนายซู คือ นางจาง อายุ 46 ปี และ นายซู เจียง อายุ 39 ปี เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบบุคคลทั้งสองคือบุคคลสัญชาติจีน โดยนางจาง เป็นบุคคลที่ทางการจีนได้ออกหมายจับในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดคาสิโน” และนายซู เจียง เป็นบุคคลที่ทางการจีน ได้ออกหมายจับในข้อหา “เปิดคาสิโน” อีกด้วย กระทั่งสืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงขอหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าว
ก่อนควบคุมตัว นายซู ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการ ส่วนนางจางและนายซู เจียง ได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรและการอนุญาตสิ้นสุดลง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนทราบอีด้วยว่า บุคคลเหล่านี้ได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งได้มีการจัดให้เล่นคาซิโน ออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนันและมีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท อีกทั้งยังพบว่านายซู เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบ เว็บไซต์ และระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต์อีกด้วย
—
一个中国赌博网站和电话团伙的头目及其以泰国为基地的下属被捕。
—
สตม. ปิด 3 จ๊อบจับต่างชาติ หนุ่มไต้หวัน 3 จีนเทาพนัน และแก๊งคอลฯ เกาหลี
สตม. รวบชายไต้หวันลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย พร้อมรวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู ทั้งพบเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียน 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้ที่มาเช่าห้องพักหรูย่านเอกมัยเป็นฐานปฏิบัติการ
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้องรอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4บก.สส.สตม. และ ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวรวบชายไต้หวันลักลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากสายลับมีกลุ่มคนไต้หวันลักลอบนำกัญชาจากไทยส่งออกไปยังไต้หวัน โดยไม่มีการขออนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งจากการสืบสวนพบมีความเชื่อมโยงกับร้านกัญชาแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันได้ปิดตัวลงไปแล้ว) ขายกัญชาส่วนช่อดอกผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคือ Mr.CHANG สัญชาติไต้หวัน อายุ 29 ปี และกลุ่มเพื่อน พักอยู่คอนโดย่านห้วยขวาง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจสอบ พบผู้ร่วมขบวนการคือ Mr.LIN สัญชาติไต้หวัน อายุ 30 ปี จากการตรวจค้นที่พักยังพบเห็ดขี้ควายบรรจุในซองสุญญากาศ น้ำหนัก 42 กรัม และหนังสือเดินทางของ Mr.CHANG พร้อมชาวไต้หวันคนอื่นอีก 2 เล่ม
…
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวต่อว่า Mr.LIN ยอมรับว่าบุคคลอื่นในหนังสือเดินทางที่พบได้หลบหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว และจากการตรวจสอบห้องพักประจำของทั้งสองคน ยังพบกัญชาส่วนของช่อดอก เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงสำหรับแบ่งขาย เครื่องซีนถุง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าหนังสือเดินทางของ Mr.CHANG ได้ Overstay เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมพร้อมดำเนินคดีในข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภทที่ 5 โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบ Mr.CHANG เป็นบุคคลที่มีประวัติต้องคดีอาญาในข้อหานำเข้าและจำหน่ายกัญชาในไต้หวัน
นอกจากนี้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยถึง การรวบ 3 จีนเทา ผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู ทั้งพบเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียน 55,000 ล้านบาท โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศส่งคำร้องให้ทางการไทยจับตัว นายซู (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 47 ปี เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน
จากการสืบสวนพบ นายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเข้ามาในประเทศไทยแทนหนังสือเดินทางของประเทศจีน นอกจากนี้ ยังพบ นางจาง (นามสมมติ) และนายซู เจียง (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซู ได้ถือหนังสือเดินทางของประเทศวานูอาตูเข้ามาในประเทศไทยด้วย จากการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตเพื่อตรวจสอบประวัติ ได้รับแจ้งว่าบุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดย นางจาง และนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหาเปิดบ่อนพนัน ทั้งนี้จากการสืบสวนยังทราบว่าทั้ง 3 คนมักมีพฤติการณ์ย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมทั้ง 3 ได้ที่บ้านพักในจังหวัดชลบุรี และจากการเข้าตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของทั้ง 2 คนและบุตร โดยเบื้องต้นจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของนายซูและนางจางนั้น ทั้งสองคนได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นเป็นกาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีสมาชิกในการเล่นพนันและเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท ตัวนายซูยังเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยทำการตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบที่เกี่ยวข้องต่างๆ หลังบ้าน มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
พล.ต.ต.พันธนะ เผยด้วยว่า ผลการนำกำลังเข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมกลางกรุง ย่านเอกมัย ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้ที่มาเช่าห้องพักหรูเป็นฐานปฏิบัติการ
ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้มาเช่าห้องภายในอาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 อ้างว่าเปิดเป็นออฟฟิศเงินดิจิทัล แต่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่ามีชาวเกาหลีเข้าออกห้องที่อยู่บนชั้น 4 เป็นประจำ โดยห้องดังกล่าวติดป้ายไว้ที่หน้าห้องว่า “Content Factory Korea & Thai” เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าทำการตรวจค้น
จากการตรวจสอบ พบว่าภายในห้องแบ่งออกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ส่วนอีกห้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 12 ชุด และพบชายชาวเกาหลีใต้ 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่ในลักษณะของการอ้างตัวเป็นนักวิเคราะห์หุ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญโบรกเกอร์ของธนาคารของเกาหลีใต้ ซึ่งจะหลอกลวงให้เหยื่อมาลงทุนผ่านหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเลียนแบบเว็บของธนาคารจริง นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง และ iPad จำนวน 4 เครื่อง และภายในห้องยังมีกระดานที่เอาไว้เขียนข้อมูลหุ้นแต่ละตัว และข้อมูลว่าต้องพูดกับเหยื่ออย่างไร
จากการสอบถามชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่า ถูกว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทย ชักชวนหาลูกค้ามาร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการที่ลูกค้ามาลงทุน เบื้องต้น ได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และทำการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งจากการประสานกับตำรวจเกาหลีใต้ พบว่าบางคนมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ด้วย
สำหรับมูลค่าความเสียหาย กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนร่วมกันกับทางการเกาหลีใต้เพื่อตรวจสอบ เพราะชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ยังไม่ยอมให้การในรายละเอียด แต่จากการตรวจสอบรายชื่อในคอมพิวเตอร์ พบว่ามีข้อมูลของเหยื่อกว่า 1 แสนคนต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด จึงเชื่อว่าน่าจะมีความเสียหายจำนวนมาก สำหรับรายชื่อต่างๆ พบว่านำมาจากตลาดมืด มีข้อมูลครบทั้งชื่อ เบอร์โทร จำนวนเงินลงทุน และความเสี่ยงต่างๆ
สำหรับสถานที่แห่งนี้ พบว่ากลุ่มชาวเกาหลีใต้กลุ่มนี้เพิ่งเข้ามาประเทศไทยผ่านช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ และเพิ่งมีการมาทำสัญญาเช่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี นายจุงฮุน อายุ 26 ปี เป็นหัวหน้าขบวนการ ส่วนคนอื่นๆ ทยอยเดินทางเข้ามา ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและมาพักอยู่รวมกันในสถานที่ใกล้เคียงจุดที่จับกุม ซึ่งทุกวันจะมีรถตู้มารับส่งเพื่อมาทำงานที่นี่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มขบวนการมากกว่านี้ เพราะมีจำนวนคอมพิวเตอร์เยอะมาก เชื่อว่าขบวนการนี้น่าจะมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอื่นด้วย เพราะพบประวัติกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีการเดินทางไปมาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
—
移民管理局逮捕3名台男、中国赌徒、韩国诈骗团伙
移民局逮捕了一名通过泰国网络平台秘密向国际出口大麻的台湾男子,并逮捕了三名被引渡入籍瓦努阿图的中国人,其中两人被发现都是跨国在线赌博网络的头目和呼叫中心帮派系统的头目,营业额达550亿泰铢,还摧毁了在Ekkamai地区租用豪华房间作为活动基地的韩国呼叫中心团伙。
2024.8.18 ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า
ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
.
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. มารดาของ นางสาวพลอย อายุ 58 ปี เข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 ว่าบุตรสาวถูกหลอกไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ในลักษณะเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย นางสาวพลอย ได้แอบติดต่อทางแชท LINE ว่าตนโดนหลอกจากการได้ลงข้อมูลตัวเองไว้ในเพจเฟซบุ๊กหางาน และมีนายหน้าติดต่อจ้างตนไปทำงานและให้เปิดบัญชีธนาคารไว้ 3-5 บัญชี เพื่อใช้รับเงินค่าทำงาน แต่เมื่อไปทำงานจริงกลายเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะที่มารดาเข้ามาพบพนักงานสอบสวน นางสาวพลอย ไม่สามารถกลับมาได้ เนื่องจากถูกกักขัง อยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา
.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เร่งสืบสวนกรณีดังกล่าว
.
ต่อมาหลังจากสอบปากคำให้การมารดาของ นางสาวพลอย นั่น พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา หัวหน้าพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 ได้ทำการอายัดบัญชีธนาคาร ทั้งหมด 4 บัญชีของ นางสาวพลอย ที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ยึดไว้ เพื่อให้ระงับธุรกรรมทางการเงิน จนขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ต้องพาตัว นางสาวพลอย ข้ามมาฝั่งไทย
เพื่อติดต่อธนาคาร ทั้งนี้ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ให้เฝ้าระวังในพื้นที่อรัญประเทศ จนสามารถ พบ นางสาวพลอยอยู่บริเวณใกล้ๆห้างสตาร์พลาซ่า อรัญประเทศ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. จึงได้เข้าช่วยเหลือ นางสาวพลอย
.
และเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1,พ.ต.อ. ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก. 3 บก.สอท.1 และ พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา หัวหน้าพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวน ได้นำตัว นางสาวพลอย หลังถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อสแกนใบหน้าในการทำธุรกรรมในการใช้บัญชีของตน หรือเรียกว่าถูกหลอกไปเป็น “บัญชีม้า” กลับมาพบกับครอบครัว พร้อมด้วยความยินดีและซาบซึ้งในการทำงานของตำรวจไซเบอร์ในครั้งนี้ที่สามารถช่วยนางสาวพลอย ออกมาจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างปลอดภัย
.
—
因2024年8月16日上午10时,58岁的Ploy女士的母亲前来向第一分区派出所侦查人员投诉,称其女儿被骗在波贝(柬埔寨)工作。
2024.8.15 สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ได้รับเบาะแสร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีผู้โพสต์ขายวิดีโอคลิปลามกอนาจารออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน X หรือ Twitter ซึ่งบัญชีโซเชียลดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ตำรวจไซเบอร์รวบดาวทวิตเตอร์(X) พร้อมแฟนหนุ่ม
ถ่ายคลิปหวิวขายออนไลน์ ฟันรายได้กว่า 2 แสนต่อเดือน
.
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ได้รับเบาะแสร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีผู้โพสต์ขายวิดีโอคลิปลามกอนาจารออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน X หรือ Twitter ซึ่งบัญชีโซเชียลดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
.
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2
ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 จึงนำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลกรณีดังกล่าว
.
จากการสืบสวน ทำให้ทราบว่า บัญชี X ดังกล่าวชื่อ “เรียกหนูว่าเพทาย (ทวิตจริง)” ซึ่งมีจำนวนผู้ติดตามกว่า 3 แสนราย โดยตั้งค่าบัญชีเป็นสาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องกดขอเพิ่มเพื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบัญชีดังกล่าว ได้โพสต์วิดีโอคลิปในลักษณะลามกอนาจารหลายคลิป โดยมักเป็นคลิปที่เจ้าของบัญชีเองมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม เป็นวิดีโอสั้นๆ ประมาณไม่เกิน 1 นาที เพื่อสร้างความดึงดูดให้ผู้ที่สนใจ ต้องโอนเงินเพื่อดูคลิปฉบับเต็ม
หากลูกค้าโอนเงินแล้ว จะได้เข้ากลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ “เรียกหนูว่าเพทาย” ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนตัว ต้องผ่านการอนุมัติจากเจ้าของบัญชี จึงจะสามารถเข้ากลุ่มได้ โดยชุดสืบสวนพบว่า ภายในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกจำนวนมาก และมีการโพสต์คลิปวีดิโอลามกอนาจารอีกจำนวนมาก
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้ 2 ราย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.ชัชฎาภา อายุ 21 ปี และ
นายคมจักร อายุ 23 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.700/67 ลงวันที่ 5 ส.ค.67 และศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.701/67 ลงวันที่ 5 ส.ค. 2567 โดยควบคุมตัวได้ที่ห้องพัก ชั้น 24 ของคอนโดแห่งหนึ่งย่าน
เพชรเกษม ถนนเพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค กทม.
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจก แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออก หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไป หรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสารฯ ลามก และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก”
.
จากการสอบถาม เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าเคยทำคลิปลักษณะดังกล่าวมาแล้วประมาณ 4 เดือน สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
—
网警调查,有民众投诉,有人通过应用X或Twitter网上售卖色情视频,社交账号有超过30000粉丝,所以他们已经向主管举报。
2024.7.14 ตร.ไซเบอร์รวบผัวเมียปล่อยกู้ดอกโหด ร้อยละ 240 ต่อปี ลูกหนี้ผิดสัญญาโพสต์ประจานตามข่มขู่. สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสความเดือดร้อนของประชาชน ว่ามีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้โพสต์ประจานลูกหนี้ ทำให้เกิดความอับอายและได้รับความเสียหายจำนวนหลายราย โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ โดยทราบว่า นายทุนดังกล่าวคิดดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 240 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการยึดทรัพย์สินที่ชาวบ้านต้องใช้ประกอบอาชีพไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้อีกด้วย เช่น หากต้องการกู้เงิน 30,000 บาทต้องนำรถกระบะมาวางเป็นหลักประกัน เป็นต้น และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ก็มักถูกประจานหรือถูกตามข่มขู่อีกด้วย
ตร.ไซเบอร์รวบผัวเมียปล่อยกู้ดอกโหด ร้อยละ 240 ต่อปี
ลูกหนี้ผิดสัญญาโพสต์ประจานตามข่มขู่
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสความเดือดร้อนของประชาชน ว่ามีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้โพสต์ประจานลูกหนี้ ทำให้เกิดความอับอายและได้รับความเสียหายจำนวนหลายราย โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ โดยทราบว่า นายทุนดังกล่าวคิดดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 240 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการยึดทรัพย์สินที่ชาวบ้านต้องใช้ประกอบอาชีพไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้อีกด้วย เช่น หากต้องการกู้เงิน 30,000 บาทต้องนำรถกระบะมาวางเป็นหลักประกัน เป็นต้น และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ก็มักถูกประจานหรือถูกตามข่มขู่อีกด้วย
ตามนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามหนี้นอกระบบ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบโดยเด็ดขาด พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 จึงได้ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อติดตามพฤติกรรมกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน จนพบข้อมูลของกลุ่มนายทุนที่กล่าวมาข้างต้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.อุดม อิสโร สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวน พบข้อมูลว่ามีผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ “นาดา น้องฮันน่า” ได้โพสต์ประจานลูกหนี้โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและเสียหาย จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ที่ใช้บัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และมีพฤติกรรมร่วมกันปล่อยเงินกู้ในจังหวัดกระบี่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
จากการตรวจค้นภายในบ้านพบ นายจรัญ อายุ 47 ปี และ น.ส.นุชรินทร์ อายุ 35 ปี พักอาศัยอยู่ด้วยกันภายในบ้าน และสามารถตรวจยึดของกลาง อาทิเช่น
1.อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
2.อาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไททัน สีดำ จำนวน 2 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
4.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค จำนวน 1 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
5.หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 4 ฉบับ
6.หลักฐานการกู้ยืมเงินของลูกหนี้ ภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 16 ราย ยอดเงินตั้งแต่ หลักพันถึงหลักแสน คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ร้อยละ 240 ต่อปี
7.เงินสด มูลค่า 353,460 บาท
เบื้องต้น น.ส.นุชรินทร์ ยอมรับว่า ตนและสามีได้ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง จ.กระบี่ มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยในการให้กู้ ลูกหนี้ต้องนำทรัพย์สินมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถยนต์และอาวุธปืนซึ่งของกลางที่ตำรวจตรวจยึดได้ก็เป็นของลูกหนี้ที่นำมาวางเป็นหลักประกันไว้เช่นเดียวกัน
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
—
债务人大多是谋生的普通村民,资本家每年收取240%的高利率,此外,他们还扣押村民用于工作的资产作为偿还债务的抵押品。 ,如果想要借3万泰铢,必须放置一辆皮卡等作为抵押品,并且如果债务人没有按照约定偿还债务,他们也经常受到辱骂或骚扰。
根据警察指挥官托萨克·苏克维蒙 (Torsak Sukwimon) 将军的政策,他强调了压制非法债务的重要性。警察调查局负责调查科技犯罪,由警察中将沃拉瓦特 (Worawat) 领导。泰国皇家武装部队总司令瓦塔那空班查(Wattanakornbancha)已命令其麾下的所有部队加快动员和铲除非法债务犯罪者。普米帕少将第五警察局局长Phattarasriwongchai派出调查组前往南部地区。监察债权人在讨债过程中使用暴力的行为。
—
发表回复