『Thailand,ประเทศไทย,泰国』 5 อาชญากรรม, หลอกลงทุน, call center gang, แก๊งทุนจีน, คอลเซ็นเตอร์, อาชญากรรมข้ามชาติ, ตำรวจสอบสวนกลาง, แก๊งคอลเซนเตอร์, อาชญากรข้ามชาติ, ตำรวจไซเบอร์, ลงทุนทิพย์, คริปโตเคอเรนซี, บัญชีม้า, ฟอกเงิน, พนันออนไลน์, เครือข่ายยาเสพติด, ภัยออนไลน์, มิจฉาชีพออนไลน์, อาชญากรรมข้ามชาติ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ, CIB, คดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่, ลักพาตัวเรียกค่าไถ่, ลักพาตัว, คดี Virtual Kidnapping, แก๊งคอลฯเรียกค่าไถ่, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, สน.บางรัก, อาชญากรรมกทม., ขบวนการหลอกลงทุน, คริปโต, ตำรวจไซเบอร์, บช.สอท., ฟอกเงิน, ยึดทรัพย์, ล่าทรชน, หลอกลงทุน, ฉ้อโกง, ถูกหลอกลงทุน, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, มิจฉาชีพ 2024.7.14-8.28

2024.8.28 ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างชื่อธนาคารดังหลอกลงทุน โวโอนพันเดียวรับกำไร 3 หมื่น สุดท้ายเหยื่อโดนไป 1.1 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างชื่อธนาคารดังหลอกลงทุน
โวโอนพันเดียวรับกำไร 3 หมื่น สุดท้ายเหยื่อโดนไป 1.1 ล้าน
.
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 ได้มีคนแปลกหน้าทักไลน์พร้อมแนบลิงก์ส่งให้ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์พบว่าเป็นโฆษณาชักชวนลงทุนโดยอ้างบริษัทซิตี้แบงก์ โดยโฆษณาว่าลงทุนเพียง 1,000 บาท จะได้กำไร 30,000 บาทต่อเดือน ผู้เสียหายเห็นว่าได้กำไรเยอะ จึงหลงเชื่อและโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายจำนวน 1,000 บาท
.
หลังจากนั้นคนร้ายได้ส่งข้อความทางไลน์กลับมาแจ้งว่า การลงทุนแค่ 1,000 บาท มีความเสี่ยงสูง ต้องลงทุนเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายอีกจำนวน 8,999 บาท จากนั้นคนร้ายแจ้งว่าให้ลงทุนเพิ่มอีกเพื่อจะได้ถอนเงินออก โดยครั้งนี้เป็นการลงทุนหลักหมื่นเพื่อจะได้กำไรกลับมานับหลายแสน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก 99,678 บาท ต่อมาคนร้ายแจ้งว่าต้องลงทุนเพิ่มอีกเนื่องจากยังไม่ครบจำนวนที่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปยังบัญชีธนาคารคนร้ายอีก 124,379 บาท
.
ภายหลังคนร้ายแจ้งว่าจากการที่ลงทุนไปทั้งหมด ผู้เสียหายได้กำไร 2,000,000 บาท แต่ผู้เสียหายต้องเสียค่าธรรมเนียม จำนวน 46,642 บาทก่อน ถึงจะถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายจึงโอนยอดดังกล่าวไปให้คนร้ายอีก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าต้องชำระค่าภาษีเงินได้อีกจำนวน 72,555 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายโอนผิดจำนวนต้องโอนใหม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก 72,554 บาท จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่า ผู้เสียหายต้องจ่ายค่าเทรนเนอร์อีก 100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพิ่มอีก จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าต้องจ่ายค่าสรรพากรอีก 120,909 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพิ่มไป จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการอีก 60,499 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไป จากนั้นคนร้ายอ้างต่ออีกว่าจำนวนเงินที่ผู้เสียหายได้รับนั้นมีจำนวนมาก ทางบริษัทต้องดำเนินการแบบระดับ VIP จึงต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปอีก จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายบันทึกรายการผิดต้องโอนใหม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปยังบัญชีธนาคารคนร้ายเพิ่มอีกจำนวน 80,000 บาท
.
หลังจากนั้นผู้เสียหายเริ่มรู้สึกผิดสังเกต จึงไปปรึกษาเพื่อนและทราบว่าตนเองถูกหลอกแล้ว รวมโอนเงินให้คนร้ายจำนวน 18 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,107,505 บาท จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดี
.
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย
.
กระทั่ง ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า น.ส.รัชนาถฯ อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ได้พักกบดานอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรแห่งหนึ่งในซอยวัดกู้ หมู่ 3 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงนำกำลังวางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ขณะยืนอยู่บริเวณริมถนนหน้าอาคาร ในหมู่บ้านเอื้ออาทรดังกล่าว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 ดำเนินคดี พร้อมเร่งขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเพิ่มเติมต่อไป

受害人陷入“转1000泰铢,获利3万泰铢”的欺诈性投资骗局,总共向骗子转账18次,总损失达1,107,505泰铢。

2024.8.23 เมื่อวันที่ 22สิงหาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 3 ราย แปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู โดยพบว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มียอดเงินหมุนเวียน 55,000ล้านบาท

สตม.จับต่างชาติ แก๊งคอลฯชาวจีน ปลอมพาสปอร์ต 8เกาหลีตุ๋นลงทุน

สตม.จับต่างชาติ

แก๊งคอลฯชาวจีน

ปลอมพาสปอร์ต

8เกาหลีตุ๋นลงทุน

สตม.โชว์ผลงาน รวบตัว3 ผู้ต้องหาชาวจีน หนีคดีฉ้อโกงทรัพย์ ถือหนังสือเดินทางสัญชาติวานูอาตู เข้าไทย พบข้อมูลเป็นหัวหน้าเว็บพนันข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเงินหมุนเวียนถึง 5.5 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 22สิงหาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 3 ราย แปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู โดยพบว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มียอดเงินหมุนเวียน 55,000ล้านบาท

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ส่งคำร้องให้ทางการไทย ช่วยติดตามจับตัวนายซู สัญชาติจีน อายุ 47 ปี ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และความผิดฐานเปิดบ่อนการพนันซึ่งจากการสืบสวนพบว่านายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เข้ามาประเทศไทย แทนหนังสือเดินทางของประเทศจีน นอกจากนี้ยังพบนางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซู ถือหนังสือเดินทางของประเทศวานูอาตู เข้ามาในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน

จากการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อตรวจสอบประวัติได้รับแจ้งว่าบุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจางและนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหาเปิดบ่อนพนันโดยการสืบสวนยังทราบว่าทั้ง 3 มีพฤติการณ์ย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุมตัวอย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมทั้ง 3 ได้ที่บ้านพักหรูแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี และจากการเข้าตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของทั้ง 3 เบื้องต้นจากการสอบถามนายซู รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของนายซู และนางจางนั้น ได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ “หญิงฟา” ซึ่งจัดให้มีการเล่นเป็นพนันออนไลน์ มีสมาชิกในการเล่นพนันและเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ตัวนายซู ยังเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้อื่นทางโทรคมนาคมด้วย

อีกราย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเกาหลีใต้8 คน ภายหลังได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้เช่าห้องพักภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์เกี่ยวพันกับแก๊งพนันออนไลน์ รวมทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งหลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออกประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI”

ส่วนผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นห้องเล็กมีคอมพิวเตอร์8 ชุด ขณะที่ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์12 ชุด แต่ละชุดมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ลักษณะพูดคุยชักชวนให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริง แต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง และไอแพด 4 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนทั้ง 8 รับสารภาพว่าได้ถูกว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยในลักษณะการเป็นตัวแทนหาลูกค้าโดยพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียรูปแบบต่างๆ ชักชวนให้ร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว มีค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นตร์จากการหาลูกค้าให้นำเงินมาลงทุนได้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 ในความผิดข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.ดำเนินคดีและประสานข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป

移民局大展拳脚,宣布逮捕3名改国籍为瓦努阿图的中国犯罪嫌疑人。信息查出他们是跨国在线赌博网络的负责人和呼叫中心团伙的头目,营业额达550亿泰铢。

รวบหัวหน้าเว็บพนัน-แก๊งคอลฯชาวจีน พร้อมสมุน ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บช.สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต. ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผู้กำกับการ4กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.ท.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังพร้อมหมายค้นของศาลพัทยา เข้าตรวจค้นบ้านพักหรูแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สามารถจับกุม นายซู อายุ 47 ปี นางจาง อายุ 46 ปี และ นายซู เจียง อายุ 39 ปี ทั้งสามคนสัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน ในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และเปิดคาสิโน” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค หลายรายการและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเเปลงสัญชาติ

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า เนื่องจากทางสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ข้อความร่วมมือมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้จับตัวนายซู อายุ 47 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้ออกหมายจับในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดคาสิโน เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดียังประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน ต่อมา กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่า นายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 อีกทั้งพบว่าไม่ได้มีแค่นายซู เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเข้ามาไทย แต่ยังพบว่ามีเครือญาติของนายซู คือ นางจาง อายุ 46 ปี และ นายซู เจียง อายุ 39 ปี เดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยด้วย

ซึ่งจากการตรวจสอบบุคคลทั้งสองคือบุคคลสัญชาติจีน โดยนางจาง เป็นบุคคลที่ทางการจีนได้ออกหมายจับในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดคาสิโน” และนายซู เจียง เป็นบุคคลที่ทางการจีน ได้ออกหมายจับในข้อหา “เปิดคาสิโน” อีกด้วย กระทั่งสืบทราบว่า บุคคลดังกล่าวได้หลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงขอหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าว

ก่อนควบคุมตัว นายซู ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการ ส่วนนางจางและนายซู เจียง ได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรและการอนุญาตสิ้นสุดลง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนทราบอีด้วยว่า บุคคลเหล่านี้ได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งได้มีการจัดให้เล่นคาซิโน ออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนันและมีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท อีกทั้งยังพบว่านายซู เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบ เว็บไซต์ และระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต์อีกด้วย

一个中国赌博网站和电话团伙的头目及其以泰国为基地的下属被捕。

สตม. ปิด 3 จ๊อบจับต่างชาติ หนุ่มไต้หวัน 3 จีนเทาพนัน และแก๊งคอลฯ เกาหลี

สตม. รวบชายไต้หวันลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย พร้อมรวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู ทั้งพบเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียน 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้ที่มาเช่าห้องพักหรูย่านเอกมัยเป็นฐานปฏิบัติการ

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้องรอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4บก.สส.สตม. และ ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวรวบชายไต้หวันลักลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากสายลับมีกลุ่มคนไต้หวันลักลอบนำกัญชาจากไทยส่งออกไปยังไต้หวัน โดยไม่มีการขออนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งจากการสืบสวนพบมีความเชื่อมโยงกับร้านกัญชาแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันได้ปิดตัวลงไปแล้ว) ขายกัญชาส่วนช่อดอกผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคือ Mr.CHANG สัญชาติไต้หวัน อายุ 29 ปี และกลุ่มเพื่อน พักอยู่คอนโดย่านห้วยขวาง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจสอบ พบผู้ร่วมขบวนการคือ Mr.LIN สัญชาติไต้หวัน อายุ 30 ปี จากการตรวจค้นที่พักยังพบเห็ดขี้ควายบรรจุในซองสุญญากาศ น้ำหนัก 42 กรัม และหนังสือเดินทางของ Mr.CHANG พร้อมชาวไต้หวันคนอื่นอีก 2 เล่ม

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวต่อว่า Mr.LIN ยอมรับว่าบุคคลอื่นในหนังสือเดินทางที่พบได้หลบหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว และจากการตรวจสอบห้องพักประจำของทั้งสองคน ยังพบกัญชาส่วนของช่อดอก เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงสำหรับแบ่งขาย เครื่องซีนถุง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าหนังสือเดินทางของ Mr.CHANG ได้ Overstay เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมพร้อมดำเนินคดีในข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภทที่ 5 โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบ Mr.CHANG เป็นบุคคลที่มีประวัติต้องคดีอาญาในข้อหานำเข้าและจำหน่ายกัญชาในไต้หวัน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยถึง การรวบ 3 จีนเทา ผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติเป็นวานูอาตู ทั้งพบเป็นหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติ และเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียน 55,000 ล้านบาท โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศส่งคำร้องให้ทางการไทยจับตัว นายซู (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 47 ปี เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน

จากการสืบสวนพบ นายซู ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเข้ามาในประเทศไทยแทนหนังสือเดินทางของประเทศจีน นอกจากนี้ ยังพบ นางจาง (นามสมมติ) และนายซู เจียง (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซู ได้ถือหนังสือเดินทางของประเทศวานูอาตูเข้ามาในประเทศไทยด้วย จากการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตเพื่อตรวจสอบประวัติ ได้รับแจ้งว่าบุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดย นางจาง และนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหาเปิดบ่อนพนัน ทั้งนี้จากการสืบสวนยังทราบว่าทั้ง 3 คนมักมีพฤติการณ์ย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมทั้ง 3 ได้ที่บ้านพักในจังหวัดชลบุรี และจากการเข้าตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของทั้ง 2 คนและบุตร โดยเบื้องต้นจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของนายซูและนางจางนั้น ทั้งสองคนได้มีการจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นเป็นกาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีสมาชิกในการเล่นพนันและเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท ตัวนายซูยังเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยทำการตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบที่เกี่ยวข้องต่างๆ หลังบ้าน มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

พล.ต.ต.พันธนะ เผยด้วยว่า ผลการนำกำลังเข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมกลางกรุง ย่านเอกมัย ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้ที่มาเช่าห้องพักหรูเป็นฐานปฏิบัติการ

ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้มาเช่าห้องภายในอาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 อ้างว่าเปิดเป็นออฟฟิศเงินดิจิทัล แต่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่ามีชาวเกาหลีเข้าออกห้องที่อยู่บนชั้น 4 เป็นประจำ โดยห้องดังกล่าวติดป้ายไว้ที่หน้าห้องว่า “Content Factory Korea & Thai” เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าทำการตรวจค้น

จากการตรวจสอบ พบว่าภายในห้องแบ่งออกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ส่วนอีกห้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 12 ชุด และพบชายชาวเกาหลีใต้ 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่ในลักษณะของการอ้างตัวเป็นนักวิเคราะห์หุ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญโบรกเกอร์ของธนาคารของเกาหลีใต้ ซึ่งจะหลอกลวงให้เหยื่อมาลงทุนผ่านหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเลียนแบบเว็บของธนาคารจริง นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง และ iPad จำนวน 4 เครื่อง และภายในห้องยังมีกระดานที่เอาไว้เขียนข้อมูลหุ้นแต่ละตัว และข้อมูลว่าต้องพูดกับเหยื่ออย่างไร

จากการสอบถามชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่า ถูกว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทย ชักชวนหาลูกค้ามาร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการที่ลูกค้ามาลงทุน เบื้องต้น ได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และทำการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งจากการประสานกับตำรวจเกาหลีใต้ พบว่าบางคนมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ด้วย

สำหรับมูลค่าความเสียหาย กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนร่วมกันกับทางการเกาหลีใต้เพื่อตรวจสอบ เพราะชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ยังไม่ยอมให้การในรายละเอียด แต่จากการตรวจสอบรายชื่อในคอมพิวเตอร์ พบว่ามีข้อมูลของเหยื่อกว่า 1 แสนคนต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด จึงเชื่อว่าน่าจะมีความเสียหายจำนวนมาก สำหรับรายชื่อต่างๆ พบว่านำมาจากตลาดมืด มีข้อมูลครบทั้งชื่อ เบอร์โทร จำนวนเงินลงทุน และความเสี่ยงต่างๆ

สำหรับสถานที่แห่งนี้ พบว่ากลุ่มชาวเกาหลีใต้กลุ่มนี้เพิ่งเข้ามาประเทศไทยผ่านช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ และเพิ่งมีการมาทำสัญญาเช่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี นายจุงฮุน อายุ 26 ปี เป็นหัวหน้าขบวนการ ส่วนคนอื่นๆ ทยอยเดินทางเข้ามา ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและมาพักอยู่รวมกันในสถานที่ใกล้เคียงจุดที่จับกุม ซึ่งทุกวันจะมีรถตู้มารับส่งเพื่อมาทำงานที่นี่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มขบวนการมากกว่านี้ เพราะมีจำนวนคอมพิวเตอร์เยอะมาก เชื่อว่าขบวนการนี้น่าจะมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอื่นด้วย เพราะพบประวัติกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีการเดินทางไปมาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย

移民管理局逮捕3名台男、中国赌徒、韩国诈骗团伙

移民局逮捕了一名通过泰国网络平台秘密向国际出口大麻的台湾男子,并逮捕了三名被引渡入籍瓦努阿图的中国人,其中两人被发现都是跨国在线赌博网络的头目和呼叫中心帮派系统的头目,营业额达550亿泰铢,还摧毁了在Ekkamai地区租用豪华房间作为活动基地的韩国呼叫中心团伙。

2024.8.18 ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

ตำรวจไซเบอร์ช่วยเหลือแม่ลูก 3 หลังโดนหลอกเปิดบัญชีม้า

ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. มารดาของ นางสาวพลอย อายุ 58 ปี เข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 ว่าบุตรสาวถูกหลอกไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ในลักษณะเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย นางสาวพลอย ได้แอบติดต่อทางแชท LINE ว่าตนโดนหลอกจากการได้ลงข้อมูลตัวเองไว้ในเพจเฟซบุ๊กหางาน และมีนายหน้าติดต่อจ้างตนไปทำงานและให้เปิดบัญชีธนาคารไว้ 3-5 บัญชี เพื่อใช้รับเงินค่าทำงาน แต่เมื่อไปทำงานจริงกลายเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะที่มารดาเข้ามาพบพนักงานสอบสวน นางสาวพลอย ไม่สามารถกลับมาได้ เนื่องจากถูกกักขัง อยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา

.

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เร่งสืบสวนกรณีดังกล่าว

.

ต่อมาหลังจากสอบปากคำให้การมารดาของ นางสาวพลอย นั่น พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา หัวหน้าพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 ได้ทำการอายัดบัญชีธนาคาร ทั้งหมด 4 บัญชีของ นางสาวพลอย ที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ยึดไว้ เพื่อให้ระงับธุรกรรมทางการเงิน จนขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ต้องพาตัว นางสาวพลอย ข้ามมาฝั่งไทย

เพื่อติดต่อธนาคาร ทั้งนี้ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.3 บก.สอท.1 ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ให้เฝ้าระวังในพื้นที่อรัญประเทศ จนสามารถ พบ นางสาวพลอยอยู่บริเวณใกล้ๆห้างสตาร์พลาซ่า อรัญประเทศ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. จึงได้เข้าช่วยเหลือ นางสาวพลอย

.

และเมื่อบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1,พ.ต.อ. ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก. 3 บก.สอท.1 และ พ.ต.ท.เฉลิมพล จุมปูอา หัวหน้าพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวน ได้นำตัว นางสาวพลอย หลังถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อสแกนใบหน้าในการทำธุรกรรมในการใช้บัญชีของตน หรือเรียกว่าถูกหลอกไปเป็น “บัญชีม้า” กลับมาพบกับครอบครัว พร้อมด้วยความยินดีและซาบซึ้งในการทำงานของตำรวจไซเบอร์ในครั้งนี้ที่สามารถช่วยนางสาวพลอย ออกมาจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างปลอดภัย

.

因2024年8月16日上午10时,58岁的Ploy女士的母亲前来向第一分区派出所侦查人员投诉,称其女儿被骗在波贝(柬埔寨)工作。

2024.8.15 สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ได้รับเบาะแสร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีผู้โพสต์ขายวิดีโอคลิปลามกอนาจารออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน X หรือ Twitter ซึ่งบัญชีโซเชียลดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ตำรวจไซเบอร์รวบดาวทวิตเตอร์(X) พร้อมแฟนหนุ่ม
ถ่ายคลิปหวิวขายออนไลน์ ฟันรายได้กว่า 2 แสนต่อเดือน
.
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ได้รับเบาะแสร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีผู้โพสต์ขายวิดีโอคลิปลามกอนาจารออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน X หรือ Twitter ซึ่งบัญชีโซเชียลดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
.
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2
ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 จึงนำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลกรณีดังกล่าว
.
จากการสืบสวน ทำให้ทราบว่า บัญชี X ดังกล่าวชื่อ “เรียกหนูว่าเพทาย (ทวิตจริง)” ซึ่งมีจำนวนผู้ติดตามกว่า 3 แสนราย โดยตั้งค่าบัญชีเป็นสาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องกดขอเพิ่มเพื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบัญชีดังกล่าว ได้โพสต์วิดีโอคลิปในลักษณะลามกอนาจารหลายคลิป โดยมักเป็นคลิปที่เจ้าของบัญชีเองมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม เป็นวิดีโอสั้นๆ ประมาณไม่เกิน 1 นาที เพื่อสร้างความดึงดูดให้ผู้ที่สนใจ ต้องโอนเงินเพื่อดูคลิปฉบับเต็ม
หากลูกค้าโอนเงินแล้ว จะได้เข้ากลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ “เรียกหนูว่าเพทาย” ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนตัว ต้องผ่านการอนุมัติจากเจ้าของบัญชี จึงจะสามารถเข้ากลุ่มได้ โดยชุดสืบสวนพบว่า ภายในกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกจำนวนมาก และมีการโพสต์คลิปวีดิโอลามกอนาจารอีกจำนวนมาก
.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้ 2 ราย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.ชัชฎาภา อายุ 21 ปี และ
นายคมจักร อายุ 23 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.700/67 ลงวันที่ 5 ส.ค.67 และศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.701/67 ลงวันที่ 5 ส.ค. 2567 โดยควบคุมตัวได้ที่ห้องพัก ชั้น 24 ของคอนโดแห่งหนึ่งย่าน
เพชรเกษม ถนนเพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค กทม.
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการจ่ายแจก แก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออก หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไป หรือยังให้พาไป หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสารฯ ลามก และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก”
.
จากการสอบถาม เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าเคยทำคลิปลักษณะดังกล่าวมาแล้วประมาณ 4 เดือน สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

网警调查,有民众投诉,有人通过应用X或Twitter网上售卖色情视频,社交账号有超过30000粉丝,所以他们已经向主管举报。

2024.7.14 ตร.ไซเบอร์รวบผัวเมียปล่อยกู้ดอกโหด ร้อยละ 240 ต่อปี ลูกหนี้ผิดสัญญาโพสต์ประจานตามข่มขู่. สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสความเดือดร้อนของประชาชน ว่ามีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้โพสต์ประจานลูกหนี้ ทำให้เกิดความอับอายและได้รับความเสียหายจำนวนหลายราย โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ โดยทราบว่า นายทุนดังกล่าวคิดดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 240 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการยึดทรัพย์สินที่ชาวบ้านต้องใช้ประกอบอาชีพไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้อีกด้วย เช่น หากต้องการกู้เงิน 30,000 บาทต้องนำรถกระบะมาวางเป็นหลักประกัน เป็นต้น และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ก็มักถูกประจานหรือถูกตามข่มขู่อีกด้วย

ตร.ไซเบอร์รวบผัวเมียปล่อยกู้ดอกโหด ร้อยละ 240 ต่อปี
ลูกหนี้ผิดสัญญาโพสต์ประจานตามข่มขู่

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสความเดือดร้อนของประชาชน ว่ามีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้โพสต์ประจานลูกหนี้ ทำให้เกิดความอับอายและได้รับความเสียหายจำนวนหลายราย โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ โดยทราบว่า นายทุนดังกล่าวคิดดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 240 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการยึดทรัพย์สินที่ชาวบ้านต้องใช้ประกอบอาชีพไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้อีกด้วย เช่น หากต้องการกู้เงิน 30,000 บาทต้องนำรถกระบะมาวางเป็นหลักประกัน เป็นต้น และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ก็มักถูกประจานหรือถูกตามข่มขู่อีกด้วย

ตามนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามหนี้นอกระบบ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบโดยเด็ดขาด พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 จึงได้ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อติดตามพฤติกรรมกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน จนพบข้อมูลของกลุ่มนายทุนที่กล่าวมาข้างต้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.อุดม อิสโร สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวน พบข้อมูลว่ามีผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ “นาดา น้องฮันน่า” ได้โพสต์ประจานลูกหนี้โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและเสียหาย จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ที่ใช้บัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และมีพฤติกรรมร่วมกันปล่อยเงินกู้ในจังหวัดกระบี่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่

จากการตรวจค้นภายในบ้านพบ นายจรัญ อายุ 47 ปี และ น.ส.นุชรินทร์ อายุ 35 ปี พักอาศัยอยู่ด้วยกันภายในบ้าน และสามารถตรวจยึดของกลาง อาทิเช่น
1.อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
2.อาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไททัน สีดำ จำนวน 2 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
4.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค จำนวน 1 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
5.หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 4 ฉบับ
6.หลักฐานการกู้ยืมเงินของลูกหนี้ ภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 16 ราย ยอดเงินตั้งแต่ หลักพันถึงหลักแสน คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ร้อยละ 240 ต่อปี
7.เงินสด มูลค่า 353,460 บาท

เบื้องต้น น.ส.นุชรินทร์ ยอมรับว่า ตนและสามีได้ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง จ.กระบี่ มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยในการให้กู้ ลูกหนี้ต้องนำทรัพย์สินมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถยนต์และอาวุธปืนซึ่งของกลางที่ตำรวจตรวจยึดได้ก็เป็นของลูกหนี้ที่นำมาวางเป็นหลักประกันไว้เช่นเดียวกัน
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

债务人大多是谋生的普通村民,资本家每年收取240%的高利率,此外,他们还扣押村民用于工作的资产作为偿还债务的抵押品。 ,如果想要借3万泰铢,必须放置一辆皮卡等作为抵押品,并且如果债务人没有按照约定偿还债务,他们也经常受到辱骂或骚扰。

根据警察指挥官托萨克·苏克维蒙 (Torsak Sukwimon) 将军的政策,他强调了压制非法债务的重要性。警察调查局负责调查科技犯罪,由警察中将沃拉瓦特 (Worawat) 领导。泰国皇家武装部队总司令瓦塔那空班查(Wattanakornbancha)已命令其麾下的所有部队加快动员和铲除非法债务犯罪者。普米帕少将第五警察局局长Phattarasriwongchai派出调查组前往南部地区。监察债权人在讨债过程中使用暴力的行为。

『Thailand,ประเทศไทย,泰国』 10 อาชญากรรม, หลอกลงทุน, call center gang, แก๊งทุนจีน, คอลเซ็นเตอร์, อาชญากรรมข้ามชาติ, ตำรวจสอบสวนกลาง, แก๊งคอลเซนเตอร์, อาชญากรข้ามชาติ, ตำรวจไซเบอร์, ลงทุนทิพย์, คริปโตเคอเรนซี, บัญชีม้า, ฟอกเงิน, พนันออนไลน์, เครือข่ายยาเสพติด, ภัยออนไลน์, มิจฉาชีพออนไลน์, อาชญากรรมข้ามชาติ, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ, CIB, คดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่, ลักพาตัวเรียกค่าไถ่, ลักพาตัว, คดี Virtual Kidnapping, แก๊งคอลฯเรียกค่าไถ่, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, สน.บางรัก, อาชญากรรมกทม., ขบวนการหลอกลงทุน, คริปโต, ตำรวจไซเบอร์, บช.สอท., ฟอกเงิน, ยึดทรัพย์, ล่าทรชน, หลอกลงทุน, ฉ้อโกง, ถูกหลอกลงทุน, แก๊งคอลเซ็นเตอร์, มิจฉาชีพ 2024.5.7-7.5

评论

发表回复

您的电子邮箱地址不会被公开。 必填项已用 * 标注