Thailand! scam, call scam, child abuse, หลอกรับบริจาค, แก๊งคอลฯ, คอลเซ็นเตอร์ 2024.12.2-12.20

2024.12.20 Thai girl forced to send explicit photos of herself and mother for game items
Bangkok police allegedly refused to take a complaint from a 10 year old girl after she was tricked into sending explicit pictures of herself and her mother in exchange for game items.
The Thai mother took to her Facebook account to share the story of how her 10 year old daughter fell victim to a scammer, as a warning to other families. The mother included screenshots of parts of the conversation between her daughter and the scammer in the post.
In the conversation, the scammer coerced the girl into taking explicit pictures of herself and her mother and sharing them in the chat to get a “diamond” in the game. This diamond was a currency within the game that players could use to buy special items.
The girl initially complied with the scammer, who called herself “mama” and called the girl “daughter”. The scammer’s true gender was not confirmed. The girl sent some of the pictures that the scammer requested such as pictures of her underwear, her mother’s underwear, and her mother’s bras.
The scammer asked the young victim to sneak pictures while her mother was showering. The girl did not dare to take a picture of her mother naked and refused to do so, prompting the scammer to put more pressure on her.
The scammer threatened to blackmail her by revealing what the girl was doing to her mother and other relatives. The girl also sent voice recordings of herself crying and begging the scammer to stop ordering her to do things. She stated that she no longer wanted the game’s items.
Unable to withstand the pressure, she told her mother everything. The mother then filed a complaint against the scammer at Prawet Police Station.
Unfortunately, the police did not take their complaint, saying they did not know the identity of the scammer and therefore did not know how to investigate the matter.
As is often the case, the police eventually carried out their duties after the story went viral on social media. The Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB) and the Investigation Division of the Metropolitan Police Bureau (IDMB) are reportedly responsible for the case.
The mother added that some of her daughter’s friends came forward to share similar experiences. She urged parents to talk to their children with understanding, to bring these scammers to justice.

2024.12.18 สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์‘ยากูซ่า’ ตุ๋นเหยื่อวันละ 5 ล.-ใช้‘คนไทย’ฟอกเงินผ่านคาเฟ่-ซาวน่า

ทลาย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” อดีตสมาชิกยากูซ่า แอบตั้งฐานในไทย

อดีตยากูซ่า เปิดพูลวิลล่าหรู เมืองชลบุรี ตั้งสำนักงานแก๊งคอลฯ หลอกคนญี่ปุ่น

สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่น เปิดบ้านพูลวิลล่าหรู เมืองชลบุรี เป็นสำนักงานหลอกชาวญี่ปุ่น

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม.รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.รรท.รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กรณี มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นนี้ จะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซึ่งคอลเซ็นเตอร์สายแรกจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ โทรศัพท์ไปอธิบายกับเหยื่อที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะมีการคืนค่ารักษาพยาบาลสะสมจำนวนหลายล้านเยน และจะให้เหยื่อทำการเตรียมเงินไว้ในบัญชี ตั้งแต่จำนวน 500,000 เยน ขึ้นไป จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปทำรายการโอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อโอนเงินให้แล้ว หัวหน้าแก๊งก็จะสั่งการให้ลูกน้องไปถอนเงินออกจากบัญชี โดยพบความเสียหายแล้วกว่าวันละหลายสิบล้านเยน

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 แห่ง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

จุดที่ 1 บ้านพูลวิลล่าหรู จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายทากายูกิ และนายฮาจิเมะ พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นผู้ควบคุมและสั่งการพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 42 รายการ และพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพการสนทนากับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์, สคลิปและข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น

จุดที่ 2 บ้านพูลวิลล่า จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเคนจิโระ นายทากาฮิโระ และ นายคัตสึฮิโตะ พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์ในการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กระดานรายชื่อ ข้อมูลของผู้เสียหาย รวมจำนวน 37 รายการ และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพสคลิป การสนทนากับเหยื่อ ข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น

จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นที่น่าเชื่อว่าคนต่างด้าวทั้ง 5 ราย เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงิน 24,000,000 เยน/วัน หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดนำเงินไปฟอกโดยการเปิดธุรกิจมีลักษณะการใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการกระทำความผิดต่อไป

Japanese phone scam crims arrested in Pattaya

PATTAYA – Immigration police have arrested five Japanese men allegedly operating a call scam centre that has been defrauding elderly Japanese out of about 5 million baht a day.

Pol Maj Gen Panumat Boonyalak, acting commissioner, said the arrests were made in response to a complaint from the Japanese embassy.

The embassy had informed the Immigration Bureau that a scam gang operating from Thailand was telling elderly people in Japan that they would receive refunds for past medical expenses worth millions of yen, but to make it work they would first have to send them at least 500,000 yen (about 111,600 baht).

Pol Col Chaya Panakit, the bureau’s chief interrogator, said immigration police had subsequently raided two pool villas.

They arrested two Japanese suspects, Ukai Takayuki, 42, and Hatakana Hajime, 40, at one residence. The two men allegedly commanded the call scam gang.

Police also seized 42 mobile phones and tablet computers, along with scammers’ scripts, recorded conversations between scammers and victims and victims’ data.

At the second villa, three Japanese suspects were arrested. Pol Col Chaya said Kenjiro Kimura, 37, Takahiro Inouem, 34, and Katsuhito Yamaguchi, 28, were hired to make the calls to potential victims.

He said 37 mobile phones and tablet computers, lists and data of victims and scammers’ scripts were also seized at this villa.

Pol Col Chaya said one of the gang leaders was a member of the Japanese Yakuza. The gang had been tricking victims out of about 24 million yen a day, about 5 million baht.

The gang had Thai nominees running businesses to launder the money, he said.

Suspected scam gang accomplice Parichat was arrested at her house in Chaiyaphum province on Saturday, while Charlotte Austin described at a press conference how she was scammed out of 4 million baht on 10 December.
2024.12.16 Woman arrested for opening mule account linked to scam targeting beauty queen Charlotte Austin
A 40-year-old woman was arrested in Chaiyaphum province for allegedly opening a mule bank account used by a Cambodian scam gang that defrauded Charlotte Austin, a Thai-British beauty queen, of 4 million baht.
The arrest was confirmed on 16 December by Pol Lt Gen Trairong Phewphan, acting commissioner of the Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB).
The suspect, identified only as Parichat, was apprehended at her residence on Saturday. According to Pol Lt Gen Trairong, she and her husband had been transported illegally to Cambodia from Sa Kaeo province shortly before the scam occurred.
Bangkok Post reported that Parichat was taken to a building operated by a Chinese-led scam gang in Cambodia. She was paid 3,500 baht to open a bank account for the group, and her facial scan was used during the registration process.
The building, described as a hub for fraudulent operations, housed approximately 20 Thai nationals. It also contained mock offices designed to resemble official Thai government departments, complete with scammers impersonating officials.
The scam targeting Austin involved a call she received on 7 December. The 25-year-old, a former 5th runner-up in the 2022 Miss Grand Thailand pageant, was told by a man claiming to be an official from the Department of Special Investigation (DSI) that she was implicated in a money laundering case involving the scandal-hit Stark Corporation.
The impersonator instructed her to transfer funds to “prove her innocence.” Believing the call to be legitimate, Austin transferred a total of 4 million baht in three transactions.
The funds were deposited into Parichat’s account, converted into digital currency, and subsequently transferred to an account linked to a Chinese suspect.
Austin publicly recounted her ordeal during a press conference held last week. She explained how the scammers exploited her fear of legal trouble and her trust in what appeared to be legitimate officials.
2024.12.13 เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” ทลายเครือข่ายแก๊งคอลฯ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน

เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” ทลายเครือข่ายแก๊งคอลฯ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน

ตำรวจภูธรภาค 2 เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” รุกคืบทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์ รถหรู 152 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) แถลงผลการทลายเครือข่ายมังกรเทาดำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เหิมเกริมเปิดออฟฟิศในทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ใน อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งจับกุมได้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 โดยล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสวนตำรวจภูธรภาค 2 ขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินเพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย ชาวจีน 2 ราย ยึดทรัพย์รวมมูลค่า 152 ล้านบาท

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่าตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จตช. ให้ความสำคัญในการสืบสวนขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นหลังจากทลายจับกุมแก๊งมังกรเทาดำ ที่ลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จว.ชลบุรี ได้แล้ว จึงขยายผลยึดทรัพย์ต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มพนักงานออฟฟิศ จำนวน 11 คน 2.กลุ่มบัญชีม้า (รวมจัดหาบัญชี,ยิงแอดโฆษณา) จำนวน 15 คน และ 3.กลุ่มบอส หรือระดับสั่งการ และเครือข่ายฟอกเงิน จำนวน 9 คน รวมออกหมายจับทั้งหมด 35 คน จับกุมได้แล้ว 21 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 14 คน ซึ่งบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ในกระบวนการติดตามจับกุม

จากการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายนี้แปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลนิรนามต่าง ๆ และยังพบว่าตัวการระดับสั่งการ ซึ่งเป็นชาวจีนนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนบางส่วนมาใช้ในประเทศไทย โดยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อบ้านหรู รถยนต์ ทรัพย์สินต่าง ๆ รวมถึงประกอบกิจการในนามบริษัทนอมินี โดยใช้บริษัทนอมินีที่เปิดขึ้นมาซื้อ และถือครองทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง. ) ตรวจสอบ นำไปสู่การติดตามจับกุม และตรวจสอบยึดทรัพย์สิน ดำเนินการตามกฎหมาย” รรท. ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 12 – 13 ธันวาคม 2567 ได้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์มังกรเทาดำ เพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย คนจีน 2 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินที่สำคัญดังนี้

1.บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 12.5 ตรว. ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 65 ล้านบาท

2.บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 6.2 ตรว. ม.10 ต.หนองหรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 75 ล้านบาท

3.รถยนต์ LEXUS สีขาว มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท

4.รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีขาว มูลค่า 3.5 ล้านบาท

5.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 2 สีดำ มูลค่า 4 แสนบาท

และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งหมดมูลค่ากว่า 152 ล้านบาท

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวย้ำว่า ได้เร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป และขอให้คนไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น รับจ้างเปิดบัญชีเป็นธุระจัดหาซิมผีบัญชีม้า รวมถึงการเข้าไปร่วมทำธุรกิจหรือถือครองทรัพย์สินซึ่งอาจเข้าข่ายนอมินี จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 ด้วย

ทั้งนี้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูล เบาะแส ชาวต่างชาติ หรือคนไทยต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ตำรวจภูธรภาค 2

2024.12.11 ตร.ไซเบอร์ รวบ 2 ผัวเมียปลอมเพจวัดตุ๋นเหยื่อสายบุญ เจ้าตัวรับติดพนันออนไลน์

ตร.ไซเบอร์ รวบ 2 ผัวเมียปลอมเพจวัดตุ๋นเหยื่อสายบุญ เจ้าตัวรับติดพนันออนไลน์

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้ตรวจพบความผิดปกติจากสื่อโซเชียลว่ามีเพจเฟซบุ๊ก ธรรมมะไร่เชิญตะวันและเพจเรารักการทำบุญได้โพสต์ภาพ เชิญชวนทำบุญกฐินสามัคคี ณ วัดดงยางเหนือ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งทั้ง 2 เพจ มีข้อความเชิญชวนบริจาดที่เหมือนกัน และมีประชาชนกดถูกใจและสนใจร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก แต่มีความคิดเห็นบางรายการที่แสดงความไม่พอใจว่าโพสต์นี้เป็นโพสต์หลอกลวง ต่อมาพบว่ายังมีโพสต์เกี่ยวกับให้ช่วยกันบริจาคเนื่องจากมีพระป่วยบาดเจ็บและมีรูปพระที่นอนบนเตียงใน ร.พ.มาโชว์ มีคนร่วมบริจาคจำนวนมากด้วยความสงสาร

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 และ พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล

จากการตรวจสอบการโพสต์พบว่า บัญชีที่รับบริจาคเป็นคนละธนาคารกัน แต่เป็นชื่อบุคคลเดียวกัน ตรวจสอบยอดเงินทำบุญ ตลอดช่วงเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา รวมกว่าล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สอบถามทาง อ.พบพระ จ.ตาก ถึงข้อมูลวัดดงยางเหนือ แต่ได้รับคำตอบว่าวัดดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี

ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค.67 พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4, ร.ต.อ.เปรมประชา อุตมา, ร.ต.อ. ยุทธพงษ์ อมรมงคลศิลป์ รอง สว.กก.2 บก.สอท.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้จับกุม นายตะวัน อายุ 31 ปี ชาว จ.ตาก และ น.ส.วรวรรณ อายุ 31 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร โดยจับกุมตัวได้ที่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ตาก ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

นายตะวันผู้เป็นสามี รับว่าได้ทำการฉ้อโกงจริง โดย ตอนแรกคิดว่าจะทำบุญจริงๆ แต่พอมียอดเงินเข้ามาเยอะ จึงอดใจไม่ไหวเพราะตนเองภาระเยอะ ผ่อนรถหลายคัน ลูกหลายคน นอกจากนี้นายตะวันรับกับตำรวจว่า ตนเองติดพนันออนไลน์ เงินที่ได้มาทั้งหมด ก็เอาไปเล่นพนันหมด ทุกวันนี้ต้องมาเช่ารีสอร์ท อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เพราะมีปากเสียงกับญาติ เนื่องจากโดนตำหนิในเรื่องที่ไปหลอกลวงผู้อื่น จนตัวเองทนไม่ไหว อยู่บ้านไม่ได้ต้องแยกตัวออกมา ส่วนกลโกงก็แสนจะง่าย โดยจะไปก๊อปรูปพระป่วย รูปโปสเตอร์กฐินทำบุญต่างๆ มาโพสต์เรียกความศรัทธา และความสงสาร เพราะรู้ว่าคนไทยเชื่ิอง่าย ส่วนภรรยา ให้การภาคเสธว่าตนไม่ได้รู้เรื่องในการโกงนี้เลย เลี้ยงลูกอย่างเดียว แต่เงินที่สามีโอนมาให้ในบัญชีก็ร่วมกันใช้จ่ายภายในครอบครัวจริง

网络警察逮捕了一对夫妇,他们伪造了 Wat Tun 页面来诈骗受害者。店主沉迷于网络赌博。

2024.12.2 Thailand’s biggest call scam centre boss arrested near Cambodia

Thailand’s biggest call scam centre boss arrested near Cambodia

Police on Monday arrested a Chinese man suspected of heading Thailand’s largest call scam facility near the border with Cambodia.

Pol Maj Gen Montree Theskhan, commander of the Crime Suppression Division, said Demin Wen, 35, was arrested on a road leading to Cambodia in Ban Non Sao Ae village of tambon Phan Suek in Sa Kaeo’s Aranyaprathet district.

According to the commander, Mr Demin was suspected of acquiring a large number of SIM boxes, SIM cards and related equipment that were installed at many rented houses in Chiang Mai province and used to facilitate call scam centres.

Police recently raided the houses in the northern province and arrested his Thai wife who was allegedly assigned to supervise the houses. At that time, police found 642 SIM boxes, 590,000 SIM cards, 72 computers and 1,455 mobile phones.

During the previous raids, the Chinese man drove from Chiang Mai to Nakhon Sawan province where he abandoned his vehicle and caught a bus to Bangkok.

His Chinese wife Yin Xiaoying allegedly arranged for his further escape from Bangkok to Sa Kaeo which borders Cambodia.

Mr Demin told police that he did not know that his Thai wife had been arrested and he only planned to visit the Rong Kluea market in Sa Kaeo.

Police apprehended his 37-year-old Chinese wife at Suvarnabhumi airport on Sunday.

Demin Wen talks to police in Sa Kaeo. (Police photo)

泰国最大电话诈骗中心老板在柬埔寨附近被捕

泰国警方周一在柬埔寨边境附近逮捕了一名中国男子,该男子涉嫌领导泰国最大的电话诈骗机构。

35 岁的 Demin Wen 在通往柬埔寨的一条公路上被捕

周日,警方在素万那普机场逮捕了他 37 岁的中国妻子。

评论

发表回复

您的邮箱地址不会被公开。 必填项已用 * 标注