Thailand! scam, Call centre scam, child abuse, หลอกรับบริจาค, แก๊งคอลฯ, คอลเซ็นเตอร์, ตุ๋นผู้สูงอายุ 2024.12.2-12.28

2024.12.28 Chinese call centre scam: Bangkok police arrest 4 more men

A coordinated crackdown on a suspected call centre scam network culminated in the arrest of four Chinese men in Bangkok. Police carried out raids across eight locations in the city yesterday, December 27, targeting areas in Bang Na, Makkasan, Lumpini, Huai Khwang, Hua Mak, and Din Daeng.

Metropolitan Police Bureau chief investigator, Theeradej Thamsuthee, spearheaded the operation. During the raids, officers apprehended four Chinese nationals between the ages of 29 and 32. The men were detained at a condominium in Bang Na Tai, where officers also seized three laptop computers and a flash drive.

Siam Boonsom, the commissioner of the MPB, reported that the group faced multiple charges. Three of the men were accused of being in the country illegally and gathering unlawfully. The fourth suspect was charged with failing to report his residence or hotel location to immigration police within the required 24-hour period after arrival.

This crackdown is not the first in recent days. Earlier this week, a 19 year old Chinese man, Tan Minghong, was arrested under similar circumstances. During his arrest in Hua Mak, police confiscated eight new-model SIM boxes and other items from his rented condominium.

Investigators linked the information from Tan Minghong’s apprehension to the arrest of the four men yesterday. Despite being questioned, the first three suspects denied all charges, maintaining their presence in Thailand was solely for tourism. However, they failed to provide any photographic evidence of their travels within the country.

“During questioning, the first to third suspects denied all charges. They claimed they had entered Thailand as tourists.”

Police revealed that the suspects allegedly earned money through a gambling website, with no legitimate employment records in China. Additionally, the men could not produce their passports, claiming they were retained by a tour agency. The fourth suspect, however, admitted to the charges against him, reported Bangkok Post.

“The investigators had targeted the eight locations as all were linked to alleged Chinese scammers operating in Thailand.”

2024.12.25 Chinese teen arrested for alleged call centre scam
Police detain Minghong Tan, 19, a Chinese national, for alleged involvement in a call centre scam during raids on two condominium rooms in Bangkok on Wednesday. Many SIM boxes and other related devices were seized. (Photo)

A 19-year-old Chinese youth accused of involvement in a call centre scam was arrested during police raids in Bangkok on Wednesday.

Metropolitan and immigration police with a warrant issued by the Criminal Court search a room in the Phana Place building in Ramkhamhaeng Soi 24/3 in Hua Mak area of Bang Kapi district.

They found and seized eight new-model SIM boxes, two internet routers, a switch hub, a closed-circuit television camera, a power backup, eight LAN cables and other items.

They then searched another room at AT Ratcha condominium in Din Daeng district and arrested a Chinese teenager, identified later as Minghong Tan, 19, for alleged involvement in a call centre scam.

According to police, Mr Minghong was a member of a scam gang and had rented both rooms. One was used for the SIM boxes and other gear, and the other as an operations office. The arresting team also found lease contracts for 10 other rooms.

Mr Minghong had entered Thailand on a student visa, police said.

Pol Maj Gen Theeradej Thamsuthee, chief of investigation at the Metropolitan Police Bureau, said Mr Minghong denied any involvement in the scam gang. He claimed to be a mere broker, helping other Chinese nationals find and rent rooms.

After questioning, police pressed initial charges of illegally possessing or bringing communication devices into Thailand, setting up a communication radio station without permission, and illegal use of radio frequencies.

The suspect was taken to Hua Mak police station for further investigation and legal action.

The arrest came after a scam victim in Ayutthaya filed a complaint with police via the AOC 1441 hotline centre. The complainant said a person claiming to be a police officer from Buri Ram province had tricked them into transferring 10,600 baht to a given account number.

Investigators learned that the gang had its operations base in the Hua Mak area. Wednesday’s raids followed.

The police investigation is ongoing.

2024.12.22 รวบสาวบัญชีม้า อ้างเป็นการไฟฟ้าตุ๋นผู้สูงอายุ เหยื่อสูญเงินกว่า 2 แสนบาท

ตำรวจรวบสาวบัญชีม้า อ้างเป็นการไฟฟ้า ตุ๋นเงินผู้สูงอายุ เหยื่อสูญเงินกว่า 2 แสนบาท รับได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 1,000 บาท

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. 2567 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม สั่งการ พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม จ.ส.ต.เอกยุทธ ปล้องคง ผบ.หมู่ (ป.) สน.เพชรเกษม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน จับกุม น.ส.พิชชาพร ถมพลกรัง อายุ 22 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 1112/2567 ลงวันที่ 18 ธ.ค. 67

ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, เข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” โดยจับกุมตัวได้ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

สืบเนื่องจากช่วงกลางปี 2567 ขณะที่ น.ส.สุทิดา จงเจริญ อายุ 64 ปี ผู้เสียหาย ได้มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง ตรวจสอบพบว่าบ้านของ น.ส.สุทิดา มีค่าไฟฟ้าสูงกว่าปกติ ทางการไฟฟ้าจะทำการลดหย่อนค่าไฟฟ้าคืนให้ พร้อมแนะนำ น.ส.สุทิดาฯ ว่าจะมีข้อความส่งมาทางโทรศัพท์มือถือ

เมื่อ น.ส.สุทิดา กดดูโทรศัพท์มือถือของตนพบข้อความลิงก์ “m wa.tw-th.cc” น.ส.สุทิดา กดเข้าไปในลิงก์ ปรากฏเป็นแอปพลิเคชันไลน์การไฟฟ้า และมีการสนทนากับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ได้แนะนำให้ติดตั้งแอปพลิเคชันชื่อ “Mea Pro” รูปโปรไฟล์การไฟฟ้านครหลวง บนโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ดูเปอร์เซ็นต์ค่าไฟฟ้าจะลดลงหน้าจอโทรศัพท์

จากนั้น น.ส.สุทิดา ทำตามคำแนะนำจนโทรศัพท์มือถือของตนหน้าจอค้างไม่สามารถทำรายการได้ประมาณ 30 นาที จึงเริ่มสงสัยว่าน่าจะถูกหลอก จึงตรวจสอบแอปธนาคารที่ติดตั้งไว้บนโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่า

1.เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 15.18 น. มีการทำรายการเงินออกจากบัญชี จำนวน 170,466 บาท

2.วันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 15.31 น. มีการทำรายการบัตรกดเงินสด เงินออกจากบัญชี จำนวน 27,000 บาท

3.วันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 15.35 น. มีการทำรายการบัตรกดเงินสด เงินออกจากบัญชี จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ประมาณ 227,466 บาท

จากการสอบสวน น.ส.พิชชาพร รับสารภาพว่าได้ขายบัญชีม้าให้กับผู้ติดต่อมาทางเฟซบุ๊ก โดยจะได้ค่าจ้าง 1,000 บาท ที่ทำไปเพราะตอนนั้นลูกเล็ก ไม่มีเงินซื้อนมลูก เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

2024.12.21 ทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับ 6 ชาวจีน ตั้งฐานกลางกรุง อึ้งเจอซิม 2 แสนชิ้น

ทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับ 6 ชาวจีน ตั้งฐานกลางกรุง อึ้งเจอซิม 2 แสนชิ้น

ทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับ 6 ชาวจีน ตั้งฐานคอนโดหรูกลางกรุง อึ้งเจอซิม 2 แสนชิ้น ซิมบ็อกซ์ 286 เครื่อง เข้าไทยใช้วีซ่านักเรียน-ท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 ธ.ค. 2567 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. นำลังชุดสืบสวน สตม. เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 6 ราย ที่ห้องพักภายในคอนโดมิเนียมหรู ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.

ประกอบด้วย 1.MR.FENGRAN WEN, 2.MR.ZHANG JUN, 3.MR.LI YUNING, 4.MR.PANG ZE, 5.MR.YANG QUN และ 6.MR.YAO FAN (หัวหน้าแก๊ง) พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น Sim Box 286 เครื่อง, ซิมการ์ดโทรศัพท์ ประมาณ 208,652 ชิ้น, โทรศัพท์มือถือ 636 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง, จอคอมพิวเตอร์ 62 เครื่อง, เคสคอมพิวเตอร์ 84 เครื่อง และแล็บท็อป 4 เครื่อง โดยตรวจยึดได้จากทั้ง 6 ห้องพัก ชั้น 16, 17 และ 23 รวม 6 ห้อง ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์ซิมบ็อกซ์

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตำรวจตม.ต้องการมาตรวจสอบเรื่องบุคคลต่างด้าวที่ทำผิดกฎหมายจากคอนโดแห่งนี้ จึงนำกำลังเข้ามาตรวจสอบ กระทั่งพบความผิดปกติ จึงขอศาลออกหมายค้น จนพบผู้ต้องหาและของกลางดังกล่าว

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า ซิมมือถือที่พบส่วนใหญ่เป็นซิมไทยทั้งหมด ตนได้ประสานให้ตำรวจไซเบอร์เข้ามาทำการสืบสวนเพิ่มเติม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พบซิมจำนวนขนาดนี้ที่กลางเมืองกรุง โดย 32 ซิมต่อบ็อกซ์ โทรได้ประมาณ 1 หมื่นครั้งต่อนาที หรือ 6 แสนครั้ง ต่อ 1 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่กองปราบตรวจยึดได้ก็ใกล้เคียงกัน

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวอีกว่า จะมีการนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง โดยการจับกุมครั้งนี้ได้จับกุมตัวหัวหน้าขบวนการด้วย แต่ยังขาดผู้ต้องหาอีก 3 คนที่อยู่ระหว่างออกหมายจับนำเข้าสู่ระบบ Watch list และกระจายหมายจับไปตามแนวชายแดน ทำให้ผู้ต้องหาที่เหลือไม่สามารถหลบหนีออกนอกประเทศได้

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการใช้โปรแกรมในการลงทะเบียนสมัครบัญชีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ โดยใช้เอไอในการทำได้รวดเร็วมาก และสามารถใช้หลอกคนได้เลย

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเชื่อว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คนมีหน้าที่ในการดูแล ระบบซิมบ็อกซ์ทั้งหมด เช่น ไฟตก, ไฟดับ หรือเครื่องพังและเสีย จะมีการสั่งเครื่องใหม่มาเปลี่ยน ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่หลอกลวงผู้อื่นจะอยู่ในต่างประเทศ โดยใช้วิธีการยิงไวไฟเข้ามายังซิมบ็อกซ์

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คนได้เดินทางเข้ามาในเมืองไทยด้วยวีซ่านักเรียน-ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 4 เดือน และมาเช่าที่แห่งนี้ประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการเดินทางเข้าประเทศลาวและประเทศกัมพูชามาก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากแก๊งCall Center ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะที่ 1 ใน ผู้ต้องหาได้ให้การว่า ตนมีหน้าที่เปลี่ยนซิมการ์ดจากซิมบ็อกซ์ และสมัครบัญชีโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งของไทยและจีน เมื่อสมัครเสร็จ ระบบจะนำไปยิงโฆษณาให้คนมากด เพื่อทำเงินให้ได้ 20 หยวนต่อบัญชี เมื่อครบก็จะเปลี่ยนซิมการ์ดสมัครใหม่ไปเรื่อยๆ ทำมาประมาณ 1 เดือนแล้ว โดยมีนายฉุนเกอ ชาวจีนหนึ่งในผู้ต้องหา จะเป็นคนจัดการหาซิมการ์ดมาให้ และจ่ายเงินให้เดือนละ 8,000 หยวน แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต

2.ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 15 ราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2489

3.ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

4.ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242

5.คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้

6.เป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานโดยผิดกฎหมาย (ข้อหานี้ดำเนินคดีเพียง 1 คน)

หลังจากนี้จะประสานให้ตำรวจไซเบอร์เข้ามาทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.สตม. เพื่อแจ้งข้อหา ก่อนผลักดันผู้ต้องหากลับออกนอกประเทศต่อไป

Bangkok bust: 6 Chinese arrested with 200k SIM cards

Police in Bangkok have dismantled a major call centre gang, arresting six Chinese nationals who had set up their operations in a luxury condominium in the heart of the city.

The suspects were found with an astonishing 208,652 SIM cards and 286 SIM boxes, alongside other electronic equipment. Entering Thailand on student and tourist visas, the group had been operating from their rented condominium for about two months.

Officers, led by Deputy Police Chief Tatchai Pitanilabut and various senior officials, conducted the raid at the condominium on Ratchadaphisek Road after noticing suspicious activities. The operation revealed a sophisticated setup across six rooms on the 16th, 17th, and 23rd floors, functioning as servers for their illegal activities.

The individuals arrested were identified as Fengran Wen, Zhang Jun, Li Yuning, Pang Ze, Yang Qun, and Yao Fan, who was noted as the gang leader. The massive haul included 636 mobile phones, a computer, 62 computer monitors, 84 computer cases, and four laptops.
Tatchai detailed that the immigration police’s initial intention was to verify the legal status of foreigners in the area, which led to the discovery of this crime ring. The discovery of such a large number of SIM cards in the middle of Bangkok has been flagged as significant. Each SIM box can handle 32 SIM cards, capable of making approximately 10,000 calls per minute or 600,000 calls per hour.

The arrested individuals are suspected of using the SIM boxes to register accounts on social media platforms such as Facebook, Twitter, and Line, utilising AI technology to expedite the process. This technology allowed them to deceive people efficiently. It is believed that the gang was responsible for managing the SIM box systems, addressing issues like power outages or device failures by quickly replacing equipment. Meanwhile, the scam operations targeting individuals were presumably conducted from abroad using Wi-Fi connections to the SIM boxes.

The six suspects reportedly entered Thailand with student and tourist visas valid for up to four months and had previously travelled to Laos and Cambodia. This aligns with reports of similar call centre gangs operating from neighbouring countries. One of the suspects admitted to swapping SIM cards and registering social media accounts, earning 20 Chinese yuan (around 93 Thai baht) per account by directing advertisements to attract clicks. They claimed to have been operating for about a month, managed by Chun Ge, another suspect, who supplied the SIM cards and paid 8,000 yuan monthly. The suspect professed ignorance of the illegal nature of these activities.

The charges filed against the suspects include illegal possession and use of communication devices without a license, running an unlicensed radio communication station, introducing false computer data into the system, concealing or disposing of goods known to be associated with illegal activities, and working without the appropriate permits. Only one individual faces charges related to employing foreigners illegally.

Following the arrests, Thai police plan to work with cybercrime units to further investigate and expand upon the findings. The suspects, along with the seized items, will be handed over to the Immigration Bureau for prosecution, with the eventual aim of deporting them from the country, reported KhaoSod.

2024.12.20 Thai girl forced to send explicit photos of herself and mother for game items
Bangkok police allegedly refused to take a complaint from a 10 year old girl after she was tricked into sending explicit pictures of herself and her mother in exchange for game items.
The Thai mother took to her Facebook account to share the story of how her 10 year old daughter fell victim to a scammer, as a warning to other families. The mother included screenshots of parts of the conversation between her daughter and the scammer in the post.
In the conversation, the scammer coerced the girl into taking explicit pictures of herself and her mother and sharing them in the chat to get a “diamond” in the game. This diamond was a currency within the game that players could use to buy special items.
The girl initially complied with the scammer, who called herself “mama” and called the girl “daughter”. The scammer’s true gender was not confirmed. The girl sent some of the pictures that the scammer requested such as pictures of her underwear, her mother’s underwear, and her mother’s bras.
The scammer asked the young victim to sneak pictures while her mother was showering. The girl did not dare to take a picture of her mother naked and refused to do so, prompting the scammer to put more pressure on her.
The scammer threatened to blackmail her by revealing what the girl was doing to her mother and other relatives. The girl also sent voice recordings of herself crying and begging the scammer to stop ordering her to do things. She stated that she no longer wanted the game’s items.
Unable to withstand the pressure, she told her mother everything. The mother then filed a complaint against the scammer at Prawet Police Station.
Unfortunately, the police did not take their complaint, saying they did not know the identity of the scammer and therefore did not know how to investigate the matter.
As is often the case, the police eventually carried out their duties after the story went viral on social media. The Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB) and the Investigation Division of the Metropolitan Police Bureau (IDMB) are reportedly responsible for the case.
The mother added that some of her daughter’s friends came forward to share similar experiences. She urged parents to talk to their children with understanding, to bring these scammers to justice.

2024.12.18 สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์‘ยากูซ่า’ ตุ๋นเหยื่อวันละ 5 ล.-ใช้‘คนไทย’ฟอกเงินผ่านคาเฟ่-ซาวน่า

ทลาย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” อดีตสมาชิกยากูซ่า แอบตั้งฐานในไทย

อดีตยากูซ่า เปิดพูลวิลล่าหรู เมืองชลบุรี ตั้งสำนักงานแก๊งคอลฯ หลอกคนญี่ปุ่น

สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่น เปิดบ้านพูลวิลล่าหรู เมืองชลบุรี เป็นสำนักงานหลอกชาวญี่ปุ่น

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม.รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.รรท.รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กรณี มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นนี้ จะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซึ่งคอลเซ็นเตอร์สายแรกจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ โทรศัพท์ไปอธิบายกับเหยื่อที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะมีการคืนค่ารักษาพยาบาลสะสมจำนวนหลายล้านเยน และจะให้เหยื่อทำการเตรียมเงินไว้ในบัญชี ตั้งแต่จำนวน 500,000 เยน ขึ้นไป จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปทำรายการโอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อโอนเงินให้แล้ว หัวหน้าแก๊งก็จะสั่งการให้ลูกน้องไปถอนเงินออกจากบัญชี โดยพบความเสียหายแล้วกว่าวันละหลายสิบล้านเยน

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 แห่ง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

จุดที่ 1 บ้านพูลวิลล่าหรู จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายทากายูกิ และนายฮาจิเมะ พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นผู้ควบคุมและสั่งการพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 42 รายการ และพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพการสนทนากับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์, สคลิปและข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น

จุดที่ 2 บ้านพูลวิลล่า จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเคนจิโระ นายทากาฮิโระ และ นายคัตสึฮิโตะ พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์ในการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กระดานรายชื่อ ข้อมูลของผู้เสียหาย รวมจำนวน 37 รายการ และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพสคลิป การสนทนากับเหยื่อ ข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น

จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นที่น่าเชื่อว่าคนต่างด้าวทั้ง 5 ราย เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงิน 24,000,000 เยน/วัน หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดนำเงินไปฟอกโดยการเปิดธุรกิจมีลักษณะการใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการกระทำความผิดต่อไป

Japanese phone scam crims arrested in Pattaya

PATTAYA – Immigration police have arrested five Japanese men allegedly operating a call scam centre that has been defrauding elderly Japanese out of about 5 million baht a day.

Pol Maj Gen Panumat Boonyalak, acting commissioner, said the arrests were made in response to a complaint from the Japanese embassy.

The embassy had informed the Immigration Bureau that a scam gang operating from Thailand was telling elderly people in Japan that they would receive refunds for past medical expenses worth millions of yen, but to make it work they would first have to send them at least 500,000 yen (about 111,600 baht).

Pol Col Chaya Panakit, the bureau’s chief interrogator, said immigration police had subsequently raided two pool villas.

They arrested two Japanese suspects, Ukai Takayuki, 42, and Hatakana Hajime, 40, at one residence. The two men allegedly commanded the call scam gang.

Police also seized 42 mobile phones and tablet computers, along with scammers’ scripts, recorded conversations between scammers and victims and victims’ data.

At the second villa, three Japanese suspects were arrested. Pol Col Chaya said Kenjiro Kimura, 37, Takahiro Inouem, 34, and Katsuhito Yamaguchi, 28, were hired to make the calls to potential victims.

He said 37 mobile phones and tablet computers, lists and data of victims and scammers’ scripts were also seized at this villa.

Pol Col Chaya said one of the gang leaders was a member of the Japanese Yakuza. The gang had been tricking victims out of about 24 million yen a day, about 5 million baht.

The gang had Thai nominees running businesses to launder the money, he said.

Suspected scam gang accomplice Parichat was arrested at her house in Chaiyaphum province on Saturday, while Charlotte Austin described at a press conference how she was scammed out of 4 million baht on 10 December.
2024.12.16 Woman arrested for opening mule account linked to scam targeting beauty queen Charlotte Austin
A 40-year-old woman was arrested in Chaiyaphum province for allegedly opening a mule bank account used by a Cambodian scam gang that defrauded Charlotte Austin, a Thai-British beauty queen, of 4 million baht.
The arrest was confirmed on 16 December by Pol Lt Gen Trairong Phewphan, acting commissioner of the Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB).
The suspect, identified only as Parichat, was apprehended at her residence on Saturday. According to Pol Lt Gen Trairong, she and her husband had been transported illegally to Cambodia from Sa Kaeo province shortly before the scam occurred.
Bangkok Post reported that Parichat was taken to a building operated by a Chinese-led scam gang in Cambodia. She was paid 3,500 baht to open a bank account for the group, and her facial scan was used during the registration process.
The building, described as a hub for fraudulent operations, housed approximately 20 Thai nationals. It also contained mock offices designed to resemble official Thai government departments, complete with scammers impersonating officials.
The scam targeting Austin involved a call she received on 7 December. The 25-year-old, a former 5th runner-up in the 2022 Miss Grand Thailand pageant, was told by a man claiming to be an official from the Department of Special Investigation (DSI) that she was implicated in a money laundering case involving the scandal-hit Stark Corporation.
The impersonator instructed her to transfer funds to “prove her innocence.” Believing the call to be legitimate, Austin transferred a total of 4 million baht in three transactions.
The funds were deposited into Parichat’s account, converted into digital currency, and subsequently transferred to an account linked to a Chinese suspect.
Austin publicly recounted her ordeal during a press conference held last week. She explained how the scammers exploited her fear of legal trouble and her trust in what appeared to be legitimate officials.
2024.12.13 เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” ทลายเครือข่ายแก๊งคอลฯ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน

เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” ทลายเครือข่ายแก๊งคอลฯ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน

ตำรวจภูธรภาค 2 เด็ดปีก “มังกรเทาดำ” รุกคืบทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์ รถหรู 152 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) แถลงผลการทลายเครือข่ายมังกรเทาดำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เหิมเกริมเปิดออฟฟิศในทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ใน อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งจับกุมได้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 โดยล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสวนตำรวจภูธรภาค 2 ขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินเพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย ชาวจีน 2 ราย ยึดทรัพย์รวมมูลค่า 152 ล้านบาท

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่าตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จตช. ให้ความสำคัญในการสืบสวนขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นหลังจากทลายจับกุมแก๊งมังกรเทาดำ ที่ลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จว.ชลบุรี ได้แล้ว จึงขยายผลยึดทรัพย์ต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มพนักงานออฟฟิศ จำนวน 11 คน 2.กลุ่มบัญชีม้า (รวมจัดหาบัญชี,ยิงแอดโฆษณา) จำนวน 15 คน และ 3.กลุ่มบอส หรือระดับสั่งการ และเครือข่ายฟอกเงิน จำนวน 9 คน รวมออกหมายจับทั้งหมด 35 คน จับกุมได้แล้ว 21 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 14 คน ซึ่งบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ในกระบวนการติดตามจับกุม

จากการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายนี้แปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลนิรนามต่าง ๆ และยังพบว่าตัวการระดับสั่งการ ซึ่งเป็นชาวจีนนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนบางส่วนมาใช้ในประเทศไทย โดยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อบ้านหรู รถยนต์ ทรัพย์สินต่าง ๆ รวมถึงประกอบกิจการในนามบริษัทนอมินี โดยใช้บริษัทนอมินีที่เปิดขึ้นมาซื้อ และถือครองทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง. ) ตรวจสอบ นำไปสู่การติดตามจับกุม และตรวจสอบยึดทรัพย์สิน ดำเนินการตามกฎหมาย” รรท. ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 12 – 13 ธันวาคม 2567 ได้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์มังกรเทาดำ เพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย คนจีน 2 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินที่สำคัญดังนี้

1.บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 12.5 ตรว. ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 65 ล้านบาท

2.บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 6.2 ตรว. ม.10 ต.หนองหรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 75 ล้านบาท

3.รถยนต์ LEXUS สีขาว มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท

4.รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีขาว มูลค่า 3.5 ล้านบาท

5.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 2 สีดำ มูลค่า 4 แสนบาท

และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งหมดมูลค่ากว่า 152 ล้านบาท

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวย้ำว่า ได้เร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป และขอให้คนไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น รับจ้างเปิดบัญชีเป็นธุระจัดหาซิมผีบัญชีม้า รวมถึงการเข้าไปร่วมทำธุรกิจหรือถือครองทรัพย์สินซึ่งอาจเข้าข่ายนอมินี จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 ด้วย

ทั้งนี้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูล เบาะแส ชาวต่างชาติ หรือคนไทยต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ตำรวจภูธรภาค 2

2024.12.11 ตร.ไซเบอร์ รวบ 2 ผัวเมียปลอมเพจวัดตุ๋นเหยื่อสายบุญ เจ้าตัวรับติดพนันออนไลน์

ตร.ไซเบอร์ รวบ 2 ผัวเมียปลอมเพจวัดตุ๋นเหยื่อสายบุญ เจ้าตัวรับติดพนันออนไลน์

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้ตรวจพบความผิดปกติจากสื่อโซเชียลว่ามีเพจเฟซบุ๊ก ธรรมมะไร่เชิญตะวันและเพจเรารักการทำบุญได้โพสต์ภาพ เชิญชวนทำบุญกฐินสามัคคี ณ วัดดงยางเหนือ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งทั้ง 2 เพจ มีข้อความเชิญชวนบริจาดที่เหมือนกัน และมีประชาชนกดถูกใจและสนใจร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก แต่มีความคิดเห็นบางรายการที่แสดงความไม่พอใจว่าโพสต์นี้เป็นโพสต์หลอกลวง ต่อมาพบว่ายังมีโพสต์เกี่ยวกับให้ช่วยกันบริจาคเนื่องจากมีพระป่วยบาดเจ็บและมีรูปพระที่นอนบนเตียงใน ร.พ.มาโชว์ มีคนร่วมบริจาคจำนวนมากด้วยความสงสาร

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 และ พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล

จากการตรวจสอบการโพสต์พบว่า บัญชีที่รับบริจาคเป็นคนละธนาคารกัน แต่เป็นชื่อบุคคลเดียวกัน ตรวจสอบยอดเงินทำบุญ ตลอดช่วงเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา รวมกว่าล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สอบถามทาง อ.พบพระ จ.ตาก ถึงข้อมูลวัดดงยางเหนือ แต่ได้รับคำตอบว่าวัดดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี

ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค.67 พ.ต.ท.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ สว.กก.2 บก.สอท.4, ร.ต.อ.เปรมประชา อุตมา, ร.ต.อ. ยุทธพงษ์ อมรมงคลศิลป์ รอง สว.กก.2 บก.สอท.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้จับกุม นายตะวัน อายุ 31 ปี ชาว จ.ตาก และ น.ส.วรวรรณ อายุ 31 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร โดยจับกุมตัวได้ที่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ตาก ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

นายตะวันผู้เป็นสามี รับว่าได้ทำการฉ้อโกงจริง โดย ตอนแรกคิดว่าจะทำบุญจริงๆ แต่พอมียอดเงินเข้ามาเยอะ จึงอดใจไม่ไหวเพราะตนเองภาระเยอะ ผ่อนรถหลายคัน ลูกหลายคน นอกจากนี้นายตะวันรับกับตำรวจว่า ตนเองติดพนันออนไลน์ เงินที่ได้มาทั้งหมด ก็เอาไปเล่นพนันหมด ทุกวันนี้ต้องมาเช่ารีสอร์ท อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เพราะมีปากเสียงกับญาติ เนื่องจากโดนตำหนิในเรื่องที่ไปหลอกลวงผู้อื่น จนตัวเองทนไม่ไหว อยู่บ้านไม่ได้ต้องแยกตัวออกมา ส่วนกลโกงก็แสนจะง่าย โดยจะไปก๊อปรูปพระป่วย รูปโปสเตอร์กฐินทำบุญต่างๆ มาโพสต์เรียกความศรัทธา และความสงสาร เพราะรู้ว่าคนไทยเชื่ิอง่าย ส่วนภรรยา ให้การภาคเสธว่าตนไม่ได้รู้เรื่องในการโกงนี้เลย เลี้ยงลูกอย่างเดียว แต่เงินที่สามีโอนมาให้ในบัญชีก็ร่วมกันใช้จ่ายภายในครอบครัวจริง

网络警察逮捕了一对夫妇,他们伪造了 Wat Tun 页面来诈骗受害者。店主沉迷于网络赌博。

2024.12.2 Thailand’s biggest call scam centre boss arrested near Cambodia

Thailand’s biggest call scam centre boss arrested near Cambodia

Police on Monday arrested a Chinese man suspected of heading Thailand’s largest call scam facility near the border with Cambodia.

Pol Maj Gen Montree Theskhan, commander of the Crime Suppression Division, said Demin Wen, 35, was arrested on a road leading to Cambodia in Ban Non Sao Ae village of tambon Phan Suek in Sa Kaeo’s Aranyaprathet district.

According to the commander, Mr Demin was suspected of acquiring a large number of SIM boxes, SIM cards and related equipment that were installed at many rented houses in Chiang Mai province and used to facilitate call scam centres.

Police recently raided the houses in the northern province and arrested his Thai wife who was allegedly assigned to supervise the houses. At that time, police found 642 SIM boxes, 590,000 SIM cards, 72 computers and 1,455 mobile phones.

During the previous raids, the Chinese man drove from Chiang Mai to Nakhon Sawan province where he abandoned his vehicle and caught a bus to Bangkok.

His Chinese wife Yin Xiaoying allegedly arranged for his further escape from Bangkok to Sa Kaeo which borders Cambodia.

Mr Demin told police that he did not know that his Thai wife had been arrested and he only planned to visit the Rong Kluea market in Sa Kaeo.

Police apprehended his 37-year-old Chinese wife at Suvarnabhumi airport on Sunday.

Demin Wen talks to police in Sa Kaeo. (Police photo)

泰国最大电话诈骗中心老板在柬埔寨附近被捕

泰国警方周一在柬埔寨边境附近逮捕了一名中国男子,该男子涉嫌领导泰国最大的电话诈骗机构。

35 岁的 Demin Wen 在通往柬埔寨的一条公路上被捕

周日,警方在素万那普机场逮捕了他 37 岁的中国妻子。

评论

发表回复

您的邮箱地址不会被公开。 必填项已用 * 标注