2025.2.25 นักเรียน ป.5 ทะเลาะรุ่นพี่ ม.1 ใช้มีดแทงเจ็บสาหัส
เกิดเหตุเด็ก ป.5 แทงเพื่อนรุ่นพี่ ม.1 บาดเจ็บสาหัส ในวัดดังย่านเขตวัฒนา คาดปมล้อเลียนเรื่องแฟนบ่อยครั้ง
วันนี้ (25 ก.พ.2568) เวลา 15.35 น.ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ขณะที่เด็กนักเรียนชายวิ่งมาพร้อมอาการบาดเจ็บจากการถูกแทงบริเวณใต้ชายโครงด้านซ้ายนั่งลงบริเวณบันไดของศาลาของวัด ก่อนจะลุกเดินไปล้มลงอยู่ด้านข้างศาลาวัด จากนั้นมีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือแจ้งกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เหตุเกิดภายในวัดแห่งหนึ่ง ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
ขณะที่ตำรวจสายตรวจ สน.คลองตันที่ออกตรวจพื้นที่ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุอยู่ภายในวัดติดกับโรงเรียนดังพบเด็กชายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ในอาการตกใจ และพบอาวุธมีดสั้นปลายแหลมปลายยาว 13 นิ้ว ตกอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ
ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นเด็กนักเรียนชาย อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเดียวกันมีบาดแผลถูกอาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณราวนมด้านซ้าย และแขนซ้าย รวม 2 แผล ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งรักษาต่อที่ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หนีไปไหน ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้น ทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ทางผู้ก่อเหตุเรียนซ้ำชั้น ก่อนเกิดเหตุทางผู้บาดเจ็บมีการพูดจาล้อเลียนเรื่องแฟนของผู้ก่อเหตุบ่อยครั้ง จึงจะทำการพูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บก็เกิดการทะเลาะและมีปากเสียงกัน กระทั่งเกิดมีเรื่องชกต่อยกัน ทางฝั่งผู้ก่อเหตุจึงชักมีดปลายแหลมออกมาแทงจนได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน นำตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน พร้อมกับประสานสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
2025.2.24 จับชายแทงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต ในห้างฯย่านปทุมวัน
จับชายแทงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตในห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน ตร.คุมตัวผู้ก่อเหตุสอบปากคำ
วานนี้ (23 ก.พ.2568) เมื่อเวลา 22.00. น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.นนทชา แสงโสม รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต ภายในห้างสรรพสินค้า ย่านปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพ จึงประสานเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุพบอยู่ภายในร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ บริเวณชั้น 5 ในห้างสรรพสินค้า พบชายนอนหงายตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงบริเวณอกด้านซ้าย ภายหลังทราบชื่อ นายประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามปฐมพยาบาลแต่ไม่เป็นผลผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ก่อเหตุตำรวจได้คุมตัวนายสรศักดิ์ ซึ่งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ส่วนสาเหตุของการลงมืออยู่ระหว่างสอบสวนอย่างละเอียด ส่วนร่างผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่ได้นำส่งไปชันสูตรพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะส่งร่างผู้เสียชีวิตให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา
2025.2.24 นร.ชายวัย 13 ร้อง ตร.ไซเบอร์ ถูกสาว LGBTQ ปล่อยภาพลับ
กรุงเทพฯ 24 ก.พ. – นักเรียนชายชั้น ม.1 ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกสาว LGBTQ นำรูปสาวสวยมาหลอกนัดเดท เมื่อผู้เสียหายขัดขืนและหนีออกมา โดนปล่อยภาพลับ
เพจสายไหมต้องรอด พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ครู และผู้ปกครองของนักเรียนผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หลังถูก “LGBTQ” ใช้รูปโปรไฟล์สาวสวย อ้างว่าชื่อ “ริน” หลอกไปทำอนาจารที่ห้องพัก เมื่อผู้เสียหายขัดขืนและหนีออกมา ถูกปล่อยภาพลับแนว 18+ ที่เคยส่งให้กันตอนคุยแชทก่อนหน้านี้ไปเผยแพร่
สำหรับคดีนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้พูดคุย และมีห้องพักที่เกิดเหตุชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่า LGBTQ” คนดังกล่าวเป็นใคร เชื่อว่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก
คดีนี้ผู้เสียหายเป็นเด็กอายุ 13 ปี ตามกฎหมายแล้วการเผยแพร่คลิปลามกอนาจารเด็กและเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี, หากนำไปจำหน่ายด้วย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี, และแม้ว่าจะเก็บไว้ดูเองเฉยๆ ก็ยังมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายพฤติการณ์อื่นๆ เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการนำรูปบุคคลอื่นมาแอบอ้าง และกระทำอนาจารหรือพยายามกระทำชำเรา ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์.
2025.2.24 สาวโหด! จ้วงไม่ยั้ง แทงผู้จัดการดับคาห้างดัง
24 ก.พ. 2568 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุนรสิงห์ ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในห้างดัง สาขาเลียบคลองสี่วาพาสวัสดิ์ ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรีบรายงาน พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ทราบ พร้อมสั่งการให้ พ.ต.ท.สุขุม เพาะไธสง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สวป.ร.ต.อ.ภูวริษ ปลัดจ่าร้อยเวร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และสายตรวจเข้าตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงพนักงานภายในร้านได้บอกว่า ผู้ก่อเหตุคือ น.ส.กมลรัตน์ อายุ 28 ปี เป็นพนักงาน ได้ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.ทวินันท์ อายุ 35 ปี ผู้จัดการร้าน จนเสียชีวิตคาที่อยู่ภายในห้องเก็บของหลังร้าน โดยผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในห้องเก็บของ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปเนื่องจาก น.ส.กมลรัตน์ ยังถือมีดอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปภายในห้องเก็บของก็พบว่า น.ส.กมลรัตน์ ยืนคร่อมร่างของ น.ส.ทวินันท์ อยู่บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 ภายในห้องเก็บของหลังร้าน ในมือเต็มไปด้วยเลือดถืออาวุธมีดอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้วางอาวุธมีดลง แต่ น.ส.กมลรัตน์ กลับยึกยักไม่ยอมวางอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามยุทธวิธีของตำรวจเข้าควบคุมตัวและแย่งอาวุธมีดมาจากมือของ น.ส.กมลรัตน์ ได้ยึดไว้เป็นของกลาง
จากการสอบถามพนักงานในร้านบอกถีงสาเหตุว่า แค่เรื่องเล็กน้อยที่ผู้ก่อเหตุชอบสูบบุหรี่ในเวลางาน โดนผู้ตายเป็นผู้จัดการร้าน ได้ เรียกผู้ก่อเหตุไปตักเตือนเรื่องสูบบุหรี่ขณะทำงาน จึงทำให้ น.ส.กมลรัตน์ ไม่พอใจมีปากเสียงกันถึงกับโมโหขึ้นมาอย่างรุนแรง กระโดดขึ้นคร่อมตัวผู้ตาย คว้ามีดที่อยู่ในบริเวณนั้นกระหน่ำแทงคอ น.ส.ทวินันท์ อย่างไม่ยั้ง จนเสียชีวิตคาที่อยู่ในห้องเก็บของตรงทางขึ้นบันไดชั้น 2
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.กมลรัตน์ ไปดำเนินคดีในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางเป็นอาวุธมีด เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
2025.2.23 ผู้ใหญ่บ้านพาแม่แจ้งความเอาผิด พ่อละเมิดทางเพศลูกสาว
ผู้ใหญ่บ้านช่วยเหลือ พาแม่เข้าแจ้งความเอาผิดพ่อแท้ๆ ละเมิดทางเพศลูกในไส้นานตั้งแต่ ป.5 จนปัจจุบันอายุ 15 ปี ด้านนักสงคมสงเคราะห์ พร้อมทีมสหวิชาชีพ เข้าดูแล
23 ก.พ.2568 – นายกรีธา สุขคีรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 18 บ้านประสานมิตร ตำบลพะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย น.ส.มัสยาพรโอะหมาน นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ได้นำ น.ส.แอม นามสมุมติ อายุ 35 ปี พร้อมด้วย น.ส.ไอซ์ นามสมมุติ ลูกสาววัย 15 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ภูวิช ศรีคุ้ม รอง สว.(สอบสวน)สภ.สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายอนุสร คงสกุล อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆที่ได้กระทำการลวงละเมิดทางเพศลูกสาว
โดย นายกรีธา เปิดเผยว่าเมื่อวานที่ผ่านมาได้มี นายอ่ำ นามสมมุติ อายุ 15 ปี มาปรึกษากับตนเองว่า น.ส.ไอซ์ แฟนสาวที่คบหากัน ได้บอกว่าถูกนายอนุสร ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆข่มขืน โดยจะใช้อาศัยช่วงที่ แม่ไปขายของที่ตลาดสด เมื่อกลับมาบ้านแล้วก็จะถูกผู้เป็นพ่อแท้ๆลวนลามข่มขืนหลายครั้ง และเป็นเวลานานหลายปี ตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้น้องอายุ 15 ปีแล้ว น้องพยายามบอกคนในครอบครัวแต่ก็ไม่มีใครช่วย จนกระทั่งได้นายอ่ำผู้เป็นแฟนได้มาบอกกับตนเองให้รับรู้
นายกรีธา กล่าวว่า ตนเองจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร และทีมสหวิชาชีพของจังหวัดชุมพร เพื่อเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และได้นำ น.ส.ไอซ์ ลูกสาวพร้อมกับ น.ส.แอม ผู้เป็นแม่ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับ นายอนุสร์ ผู้เป็นพ่อแท้ๆในข้อหาข่มขืน เพื่อจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากที่ทางพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งความแล้ว ได้มอบให้ทาง น.ส.มัสยาพร โอะหมาน นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร นำตัว น.ส.ไอซ์ ไปตรวจร่างกายที่อย่างละเอียด ที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พร้อมคัดแยกตัวให้ไปพักฟื้นจิตใจที่บ้านพักเด็กฯ เป็นการชั่วคราวก่อน เพราะหวั่นจะถูกผู้เป็นพ่อมาข่มขู่ และจะสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพอีกครั้ง.
2025.2.23 หนุ่มจีนสาวไทยหลอกลงทุนคริปโต เจอเงินหมุนเวียนกว่าหมื่นล้าน

ตร.ไซเบอร์รวบหนุ่มจีนสาวไทยขบวนการหลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 30 ล้านบาท เอี่ยวฟอกเงินหลายคดี พิรุธเจอสลิปเงินหมุนเวียนกว่าหมื่นล้าน
23 ก.พ.2568 – ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5, พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. และพ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์เปิดปฏิบัติการ EXIT SCAM ทลายขบวนการหลอกลงทุนคริปโต เสียหายกว่า 30 ล้านบาท รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย กินหรู อยู่สบาย เอี่ยวฟอกเงิน
สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายได้แจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ ว่าตนเองได้ถูกคนร้ายหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล โดยได้มีบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีติดต่อเข้ามาทางสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นได้ชวนพูดคุยจนเกิดความไว้ใจและเชื่อใจกัน ต่อมาคนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินลงทุน โดยช่วงแรกสามารถถอนเงินที่เป็นผลกำไรได้จริง แต่เมื่อลงทุนในจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ กลับถอนเงินไม่ได้ สุดท้ายสูญเงินไปกว่า 2 ล้านบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนกรณีดังกล่าว เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนสามารถขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาหลักของขบวนการได้จำนวน 2 ราย เป็นชายสัญชาติจีน 1 ราย และหญิงสัญชาติไทย 1 ราย และยังพบอีกว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงออนไลน์อื่นอีก 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
จากการสืบสวน ตำรวจไซเบอร์ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อาจมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน โดยฝ่ายหญิงมีอาชีพขายสินค้าย่านประตูน้ำ ต่อมาชายชาวจีนซึ่งมีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้วได้มาพบรักจนมีความสัมพันธ์กันฝ่ายหญิงจึงเปิดบัญชีคริปโตให้ชายชาวจีนใช้ จากนั้นได้ร่วมกันเปิดร้านขายรองเท้าในย่านเยาวราช ซึ่งมีผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก แต่ทั้งคู่กลับใช้ชีวิตหรูหรา ขับรถหรู ใช้สินค้าแบรนด์เนม และสะสมตุ๊กตา Bearbrick กว่า 30 ตัว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า กระทั่งวันที่ 22 ก.พ.68 พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. ได้ปล่อยแถวปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในคดีดังกล่าว จากนั้นได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 5 จุด 1. ห้องพัก คอนโดหรูริมแม่น้ำ ย่านพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. 2. ห้องพัก คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านสาทร เขตยานนาวา กทม. 3. คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านตากสิน แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม. 4. ร้านขายรองเท้า ย่านเยาวราช แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. 5. บ้านพักหลังหนึ่ง ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า จากการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารจัดการเงินของแก๊งสแกมเมอร์ในคดีดังกล่าว และเชื่อว่าอาจเป็นกลุ่มฟอกเงินให้แก่ขบวนการ 1. นายเชา สัญชาติจีน อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1138/2568 2. น.ส.นริศราฯ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1137/2568
พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง 1. ตุ๊กตา Bearbrick จำนวน 30 ตัว 2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง 3. รถยนต์ ยี่ห้อ BMW รุ่น X-1 จำนวน 1 คัน 4. รถยนต์ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Alphard จำนวน 1 คัน 5. สัญญาปล่อยเช่าคอนโด จำนวน 1 ฉบับ 6. โฉนดคอนโด จำนวน 1 ฉบับ 7. หนังสือเดินทาง (Passport) จำนวน 6 เล่ม 8. ตู้เซฟนิรภัย พร้อมกุญแจ จำนวน 1 ตู้ 9. เสื้อผ้า เครื่องประดับแบรนด์เนม รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้กว่า 20 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน,ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” นำตัวพร้อม
ของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา รวมทั้งข้อมูลสลิปโอนเงินกว่า 5,000 รายการ ในระยะเวลาไม่ถึงปี ซึ่งมียอดการโอนแต่ละครั้งตั้งแต่ 1 – 5 แสนบาท ทำให้เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวอาจมีเงินหมุนเวียนหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดในขบวนการดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
2025.2.20 ทลายรัง ‘แก๊งสแกมเมอร์’ รวบบอสสาวหล่อชาวจีน-อดีตครูสาว หลอกสูบเงินร้อยล้าน



20 ก.พ.2568 – พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์รอง ผบช.น. / รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. , ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น.ร่วมกันปฏิบัติการ “ทลายรังบอสสแสกมเมอร์ฟิวแฟน” นำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.101/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ. 68 เข้าตรวจค้นบ้านในโครงการหมู่บ้าน บางนา กม.7 ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
จับกุม 1.Miss.ZHOU ZHOU อายุ 29 ปี สัญชาติจีน (เป็นบอสสแกมเมอร์ฟิวแฟน-หลอกลงทุน) ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร” 2.น.ส.อลิษา อายุ 31 ปี 3.นายสุกฤษฏิ์ อายุ 26ปี 4.นางสาวอาทิตยา 5.นายสุเชษฐ์ อายุ 40 ปี
พร้อมของกลาง 1.บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี 2.บัตรเดบิต 70 ใบ 3.ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม 4.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง (พบข้อมูลสำคัญจำนวนมาก) 5.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ต 1 เครื่อง 6.รถยนต์โตโยต้า ยาริส 1 คัน (ใช้รับส่งธุระจัดหาคนเปิดบัญชี)
ในการจับกุมครั้งนี้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่าการหลอกลวงรูปแบบ “ฟิวแฟนสแกมเมอร์” ถือเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายเป็นอันดับ 1 ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. / รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. แกะรอยข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกหลอกลวงแล้วได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.พระโขนง โดยแผนประทุษกรรมจะปลอมโปรไฟล์แล้วสนทนา “ฟิวแฟน” ให้เหยื่อหลงรัก ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้า Tiktok ของสิงคโปร์
จากนั้นจะลวงให้ทำภารกิจโดยการให้กดออเดอร์โดยให้เหยื่อออกเงินไปก่อน หลังเหยื่อทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จก็ได้รับเงิน ทำให้เหยื่อตายใจ หลังจากนั้นต้องเพิ่มยอดเงินมากขึ้น ซึ่งต่อมาก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเพราะเหยื่อกดออเดอร์ล่าช้า ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกจึงจะถอนเงินในระบบได้ อันเป็นแผนประทุษกรรมของฟิวแฟนสแกมเมอร์
พล.ต.ต.ธีรเดช แกะรอยเส้นทางการเงินจนพบว่าเงินที่แก๊งสแกมเมอร์นี้หลอกลวงได้แล้วท้ายสุดจะนำไปเข้าสู่ระบบแปลงเงินออกเป็นเหรียญดิจิทัล ผ่านช่องทางแอ๊พพลิเคชั่น บ. ชื่อดังในเมืองไทย
ต่อมา พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT แกะรอยจนพบ Miss.ZHOU (สงวนนามสกุล) หรือ “บอสโจว” สาวหล่อหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์นี้ ซึ่งเจ้าตัวใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในประเทศไทย เปิดเซฟเฮ้าส์รังรักพลอดรักอยู่กับ น.ส.อลิษา (สงวนนามสกุล) หรือ “เล็ก” ครูสาวชาวไทยที่พึ่งลาออกจากการเป็นครูผันตัวมาเป็น “ซ้อบอส” ได้ไม่นาน
โดยภายในเซฟเฮ้าส์ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นรังรักของทั้งสอง แต่ยังเป็นด่านเงินสุดท้าย ที่แก๊งสแกมเมอร์จะให้ระดับหัวหน้ามาทยอยโยกเงินออกไปเป็นบิตคอยน์ที่บ้านหลังนี้ จึงนำหมายศาลเข้าจับกุมตัวไว้ได้
จากการขยายพบการจับกุมทั้งสองก็พบว่าภายในเซฟลับนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกแต่ไม่ได้อยู่ในบ้านเพราะกำลังออกไปพาคนไปเปิดบัญชี
พล.ต.ต.ธีรเดช จึงได้นำกำลังออกติดตามไปจนพบ นายสุกฤษฏิ์ และ นางสาวอาทิตยา กำลังรับนายสุเชษฐ์ เปิดบัญชีไปสแกนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ม.รามคำแหง 2 จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คน ไว้ทันที
จากการตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี , บัตรเดบิต 70 ใบ , ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม , โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ต 1 เครื่อง ก่อนจะขยายผลทราบว่าภายในบ้านนี้เป็นรังลับที่แก๊งสแกรมเมอร์ฟิวแฟนใช้เป็นที่ตั้งในการทำบัญชี โดยจัดหาคน เป็นธุระ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีวอลเล็ต Bitkub , True wallet ก่อนจะนำมาใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงและนำเงินที่ได้แปลงเป็นเงินดิจิตัล โดยมี Miss.ZHOU (บอสทอม) เป็นบอสคอยสั่งการ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบความเชื่อมโยงในระบบการรับแจ้งความออนไลน์(Case ID) รวมทั้งสิ้น 132 Caseid มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท
ในชั้นจับกุม Miss.ZHOU (บอสทอม) ยังคงให้การภาคเสธ โดยให้การว่า จะมีบอสอีกคนซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลออฟฟิศสแกมเมอร์ ส่วนตนนั้นมาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยเพื่อคอยจัดการเรื่องการทำบัญชีและเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยบอสในฝั่งเพื่อนบ้านจะคอยโอนเงินไทยมาให้ตนเพื่อไปเป็นธุระจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าและเปิดวอลเล็ต Bitkub พร้อมกับผูกไว้ในโทรศํพท์แบบพร้อมใช้ และอีกหน้าที่คือบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะโอนเงินมาให้ตนที่ถือบัญชีม้าวอลเล็ตม้าเหล่านี้
ก่อนให้ตนนำไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วให้โอนสับหลอกเจ้าหน้าที่ก่อนส่งกลับไปยังบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แอปพลิเคชั่น Bitkub ส่วน น.ส.อลิษา เป็นแฟนสาวของตน ตอนแรกเป็นครูแต่ตนได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยเพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนสาวจะทำหน้าที่คอยตอบแชทและจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าให้ โดยกระบวนการจะไม่เปิดแค่บัญชีธนาคาร แต่จะเปิดบัญชีวอลเล็ตของ Bitkubด้วย”
ในชั้นจับกุม น.ส.อลิษา ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองพึ่งลาออกจากการเป็นครูที่โรงเรียนชื่อดังใน ซ.ลาซาน จ.กรุงเทพฯ โดยที่ลาออกเพราะ Miss.ZHOU ซึ่งเป็นแฟนของตนชักชวนให้ลาออกและมาช่วยงานเต็มตัว โดยตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย Miss.ZHOU จะรู้เรื่องทั้งหมด”
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า “จากการขยายผลเรามีพยานหลักฐานยืนยันว่า Miss.ZHOU และ น.ส.อลิษา เป็นระดับหัวหน้าสั่งการในประเทศไทย คอยจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิตัล เพื่อใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์ฟิวแฟน และยังโดยจะคอยแปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากเงินบาทแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แม้ว่าทั้งสองยังคงให้การไม่เต็มที่ แต่เรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและของกลางที่เราตรวจพบในบ้านแห่งนี้ถูกนำไปใช้หลอกลวงพัวพันกับระบบฐานข้อมูลรับแจ้งรวมทั้งสิ้น 132 เคส Caseid มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท
2025.2.19 บุกจับบ่อนจีนเทาย่านห้วยขวาง รวบ 31 นักพนัน-คนดูแลอาคาร
ผู้การสืบนครบาล นำทีมลุยจับบ่อนจีนเทาย่านห้วยขวาง เบื้องต้นคุมตัวนักพนัน-ผู้ดูแลอาคาร รวม 31 คน ส่งดำเนินคดี เร่งขยายผลติดตามเจ้าของบ่อน
วันนี้ (19 ก.พ.2568) พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) นำกำลังชุดสืบสวน และตำรวจ สน.สุทธิสาร พร้อมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กว่า 20 นาย บุกเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 11 เขตห้วยขวาง กทม.
อาคารดังกล่าวมีการดัดแปลงที่บริเวณชั้น 3 และ 4 เปิดให้เป็นห้องใช้เล่นการพนันรูปแบบไพ่นกกระจอก และไพ่แบบสำรับ ภายในบนห้องชั้น 3 และ 4 มีนักพนันอยู่ทั้งชายหญิง ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนและคนจีน นั่งเล่นพนันอยู่
ตำรวจจึงจับกุมพร้อมยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ไพ่นกกระจอก ไพ่สำรับจำนวนหลายชุด ชิปจำนวนหนึ่งและเงินสดกว่า 10,000 บาท เก็บไว้เป็นของกลาง โดยอาคารแห่งนี้พบว่ามีทางเข้าออกเพียงทางเดียว คือ ด้านหน้า และภายในอาคารมีการติดแผ่นป้ายแจ้งข้อมูลเป็นภาษาจีน คาดว่าตั้งขึ้นเพื่อไว้รองรับกลุ่มผู้เล่นชาวจีน
พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เปิดเผยว่า พลเมืองดีแจ้งข้อมูลว่าอาคารแห่งนี้เปิดให้เล่นพนัน เบื้องต้นทราบว่าเปิดโดยกลุ่มจีนเทา และจะขยายผลต่อ โดยการสอบถามผู้ดูแลอาคารทราบว่ามีการเช่าพื้นที่แห่งนี้เปิดให้เล่นการพนันเมื่อช่วง 7-8 วันที่ผ่านมา และตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนเพื่อนำตัวเจ้าของมาดำเนินคดี
สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการกวาดล้างกลุ่มคนจีน ซึ่งเข้ามามีพฤติกรรมหรือกระทำผิดกฎหมายในประเทศ หรือที่รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มจีนเทา เบื้องต้นจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 31 คน ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้เล่นและผู้ดูแลอาคารไปดำเนินคดีที่ สน.สุทธิสาร ในข้อหาลักลอบเล่นพนัน หรือจัดให้มีการเล่นพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะส่งตัวฟ้องศาลอาญารัชดา ภายใน 48 ชั่วโมง
2025.2.16 ไล่ล่าคนร้ายทุบหัวเพื่อนบ้านเสียชีวิต
อยุธยา 16 ก.พ.- ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จัดกำลังไล่ล่าคนร้ายใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวชายวัย 42 ปี เสียชีวิตในบ้านพัก
ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบภายในบ้านไม้ชั้นเดียว หมู่ 4 ตำบลสวนพริก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังได้รับแจ้งพบศพนายพิชาติ อายุ 42 ปี เสียชีวิตในสภาพมีบาดแผลที่ศีรษะยาว 7 เซนติเมตร กรามหัก โหนกแก้มยุบ คิ้วซ้ายแตก ใกล้กันพบค้อนปอนด์เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน
น้องสาวผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการตกใจและเสียใจ เล่าว่า พี่ชายมีลูกอายุ 8 และ 10 ขวบ 2 คน ได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวผู้ตายว่าพ่อถูกนายก๊อง ใช้ฆ้อนตีจนสลบ จึงรีบมาดูพบว่าพี่ชายเสียชีวิตแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายเฉลิมวงศ์ อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านที่ปลูกอยู่ติดกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด พร้อมจัดชุดไล่ล่าตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย
2025.2.15 ได้ข้อสรุป! เมียนมาเตรียมส่งเหยื่อค้ามนุษย์ให้ไทย 500 คน/วัน
กองกำลัง BGF ยังเข้าปิดล้อมสถานประกอบการในเมียวดี เพื่อคัดกรองชาวต่างชาติ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศเพิ่มเติม จากยอดเมื่อวานกว่า 2,000 คน นำไปสู่การหารือร่วมกับการทางไทยถึงแนวทางการส่งตัว คาดรับชาวต่างชาติได้ 500 คน/วัน เริ่มหลัง 17 ก.พ.
วันนี้ (15 ก.พ.2568) เจ้าหน้าที่ของทางการเมียนมา ที่เดินทางมาประชุม มีทั้ง พ.ต.ซอฮัน อู ประธานคณะกรรมการชายแดนไทยเมียนมาส่วนท้องถิ่นแม่สอด-เมียวดี, นายอูตาน หน่าย นายอำเภอเมียวดี, นายอูติ่น หม่องวิน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเมียวดี และ พ.ต.อ.อูอ่อง หน่ายอู หัวหน้าตำรวจเมียวดี ทั้งคณะประมาณ 10 คน ทั้งตำรวจ ทหาร และตรวจคนเข้าเมือง
ส่วนของไทยมี พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ส่วนท้องถิ่น หารือกันที่ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก
ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่อง แนวทางการช่วยเหลือบุคคลต่างชาติ ที่สันนิษฐานว่า ถูกหลอกลวงจากขบวนการค้ามนุษย์ และต้องการเดินทางกลับประเทศของตัวเอง โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน
1.ประเทศเมียนมา ต้องส่งรายเอียดของ “ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับ” มายังศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ตาก ทั้งรายชื่อ สัญชาติ เพศ รูปถ่าย และสถานะเอกสารการเดินทาง มีหรือไม่มีหนังสือเดินทาง โดยต้องส่งให้ไทยล่วงหน้า 3-5 วัน
2.ลำดับในการส่งตัว จะส่งตัวให้กับประเทศที่มีความต้องการ และมีศักยภาพในการรับกลับก่อน ส่วนบางประเทศ ที่สถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่พร้อมรับกลับ ขอให้จัดลำดับการส่งตัวไว้ในลำดับถัดไป
3.จะใช้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นจุดรับ-ส่งตัว โดยฝ่ายไทยสามารถรับผู้เสียหายได้ ประมาณ 500 คน/วัน
ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ระบุว่า การที่ TBC เข้ามาเพราะเห็นตรงกับไทยถึงภัยคุกคาม ส่วนตัวเลขชาวต่างชาติ ที่อาจจะสูงถึง 7,000 คน “มีความเป็นไปได้” แต่ต้องคัดกรองอย่างละเอียด คำนึงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โดยเมียนมาจะเริ่มคัดกรองคนตั้งแต่วันนี้ แล้วกำหนดวันเวลาส่งกลับอีกครั้ง ตัวเลข 500 คน ที่ไทยรับได้ “ไม่ตายตัว” ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทั้ง 2 ฝ่าย และยืนยันไทยมีความพร้อมกำลังพลและสถานที่
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. กองกำลังพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง หรือ BGF ในเขตเมียวดี แสดงท่าทีที่เข้มงวดต่อการปราบปรามการค้ามนุษย์ ด้วยการปิดล้อมสถานประกอบการต่าง ๆ หลัง พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ประกาศกวาดล้างขบวนการออนไลน์ผิดกฎหมาย หรือ คอลเซนเตอร์
โดยทหาร BGF ได้เข้าไปสอบถามชาวต่างชาติ ในสถานประกอบการ ว่าต้องการจะกลับบ้านหรือไม่ ซึ่งพบว่า มีชาวต่างชาติแจ้งความประสงค์เดินทางกลับ กว่า 2,000 คน ส่วนวันนี้ยังมีปฏิบัติการ ที่ชเวโก๊กโก่และมีชาวต่างชาติสมัครใจกลับอีก กว่า 1,000 คน โดยกองกำลังทหาร พาชาวต่างชาติไปรวมตัวกันที่โรงเรียน บนอาคารของโรงแรม และสถานที่พักต่าง ๆ
2025.2.15 จับแล้ว “พี-เป็ด” คู่หูฆ่า 2 ศพอ่างทอง
อ่างทอง 15 ก.พ. – ตำรวจอ่างทองสนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษภาค 1 บุกจับ “พี ดาวดึงส์-เป็ด” หลังบุกรัวยิงอดีตทหารผ่านศึกขาพิการ และแฟนเก่าน้องสาวเสียชีวิตรวม 2 ราย
พล.ต.ต.นราเดช ทิพยรัตน์ รอง ผบช.ภ.1 นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่สืบสวน บก.สส.ภาค 1 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรอ่างทองและชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง กว่า 60 นาย พร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมูที่ 1 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง หลังสืบทราบว่านายพี ดาวดึงส์ หรือนายธนาธร อายุ 31 ปี และนายเป็ด หรือนายนพดล อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ หลบซ่อนอยู่ ก่อเหตุหลังบุกรัวยิงอดีตทหารผ่านศึกขาพิการ และแฟนเก่าน้องสาว เสียชีวิตรวม 2 ราย เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
หลังการปิดล้อมจับกุมสามารถควบคุมตัวได้ทั้งนายพี นายเป็ด และนายเล็ก ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนขนาด 11 มม. พร้อมแม็กกาซีน และเครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 30 นัด อยู่ในกระเป๋าภายในบ้าน รวมถึงพบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ด้วย
นายพี เปิดเผยสาเหตุชนวนก่อเหตุครั้งนี้ว่า นายเดชา ซึ่งเป็นอาเขย มีปากเสียงกันมาตลอดเวลา ส่วนนายเต้า ที่ต้องฆ่า เพราะใจเจ็บเรื่องน้องสาวที่เคยเป็นแฟนกับนายเต้า จึงตัดสินใจฆ่าทิ้ง ก่อนหลบหนีมาซ่อนตัวที่นี่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมสอบสวนขยายผลหาที่มาของปืนและเครื่องกระสุนปืน รวมถึงจะสอบสวนว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้างและจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทันที.-สำนักข่าวไทย
2025.2.14 จับผู้ต้องสงสัยยิง 3 ศพ พ่อ-แม่-ลูก จ.กำแพงเพชร
มีรายงานว่าตำรวจจับผู้ต้องสงสัยยิงพ่อ-แม่-ลูก นำ 3 ศพซุกรถยนต์จอดทิ้งบ้านร้าง จ.กำแพงเพชร ผลชันสูตรพบรอยกระสุนที่ศีรษะทั้ง 3 คน เร่งขยายผลผู้ร่วมก่อเหตุ
ความคืบหน้ากรณีตำรวจและกู้ภัยตรวจสอบรถกระบะคลุมปิดผ้าจอดทิ้งบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน พื้นที่ ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ภายในรถพบ 3 ศพ พ่อ-แม่-ลูก ผู้เสียชีวิตประกอบธุรกิจขายเสื้อผ้า เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.2568)
วันนี้ (14 ก.พ.2568) ญาติของผู้เสียชีวิตรอรับศพ พ่อ แม่ ลูก ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีภิรมย์ จ.กำแพงเพชร ทันทีที่ร่างของผู้เสียชีวิตมาถึง ถูกนำบรรจุโลงศพที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งครอบครัวตั้งใจว่าจะประกอบพิธีฌาปนกิจพร้อมกันในวันเดียว เพราะทั้ง 3 คนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน
สำหรับผลชันสูตรศพพบว่าทั้ง 3 คน ถูกยิงบริเวณศีรษะด้วยปืนกระบอกเดียวกัน แต่จะเป็นอาวุธปืนชนิดและขนาดใดยังอยู่ระหว่างรอผลนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุอาจจะเป็นปืนบีบีกันดัดแปลงที่มีคนนำมาฝากไว้กับผู้เสียชีวิต
เบื้องต้นตำรวจเชิญเจ้าของปืนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งให้การเป็นประโยชน์กับคดี โดยบอกว่านำปืนมาจำนำไว้กับผู้เสียชีวิต และการสืบสวนบุคคลนี้มีความสนิทสนมกับน้องชายของผู้เสียชีวิตด้วย
มีรายงานว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องสงสัยนานหลายชั่วโมง ตำรวจนำตัวไปตรวจร่างกาย ซึ่งพบข้อมูลบางอย่างที่เชื่อมโยงการก่อเหตุแล้ว โดยตำรวจเร่งขยายผลว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงแรงจูงใจที่แน่ชัด
ย้อนไทม์ไลน์ “พ่อแม่ลูก” หายตัวกลายเป็นศพ
การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านพักของผู้เสียชีวิต พบว่า ทั้ง 3 คนออกจากบ้านพักในเวลา 18.36 น. ของวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพ่อเป็นคนขับรถกระบะ 4 ประตู ขณะที่แม่นั่งเบาะโดยสารข้างคนขับ และลูกชายสวมชุดไดโนเสาร์ นั่งด้านท้ายกระบะ โดยโบกมือให้กับกล้อง ขณะที่รถเคลื่อนออกจากบ้าน
สอดคล้องกับข้อมูลของชาวบ้านร้อยไร่ ต.คลองขลุง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านร้างจุดพบศพ ให้ข้อมูลว่า เวลาประมาณ 20.00-21.00 น.ของวันที่ 12 ม.ค. ได้ยินเสียงดังเหมือนคนทะเลาะกัน ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายปืน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาดูเพราะกลัวอันตราย จนเช้าวันรุ่งขึ้น (13 ม.ค.) ได้แจ้งให้ผู้นำหมู่บ้านมาตรวจสอบ ก็พบรอยเลือด และกระสุนตกอยู่ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวสอดคล้องกับเวลาที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตขาดการติดต่อไป
ข้อความปริศนา ส่งถึงน้องชายผู้เสียชีวิต
ที่น่าสังเกต คือ หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน (18 ม.ค.) น้องชายของ น.ส.นัทกานต์ หนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้รับข้อความ SMS จากโทรศัพท์หมายเลขหนึ่ง อ้างตัวเป็นพี่สาว ส่งข้อความมาหาในลักษณะว่าไม่ได้หายไปไหน แต่ทำธุระอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง และขอให้ครอบครัวไปถอนแจ้งความคนหาย
น้องชายตั้งข้อสังเกตว่าภาษาที่ใช้ไม่น่าจะใช้พี่สาว เพราะปกติพี่สาวจะเรียกลูกว่า “น้อง” แต่ในข้อความใช้คำว่า “อ้วน” และไม่เคยเรียกสามีว่า มัน แต่ในข้อความกลับใช้คำว่า “มัน” ที่สำคัญเมื่อพยายามติดต่อกลับไปที่เบอร์ดังกล่าว ก็ไม่สามารถติดต่อได้
การตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว พบว่าเป็นเบอร์ที่ลงทะเบียนของคนงานชาวเมียนมา และคนไทยซื้อมาใช้เพื่อส่งข้อความหาน้องชายของผู้เสียชีวิต รวมถึงยังเชื่อมโยงการโทรติดต่อไปหาบุคคลอื่น ๆ ซึ่งตำรวจตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
2025.2.14 บุกทลายบ่อนจีนเทากลางกรุง เปิดร้านอาหารจีนบังหน้า
นครบาล บุกทลาย “บ่อนจีนเทา” เปิดร้านอาหารบังหน้าจ้างหญิงไทยดูแล ตรวจยึดเงินหลายสกุลรวมกว่า 6 ล้าน
14 ก.พ.2568 – ที่สน.บางโพงพาง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 ได้สั่งการให้ ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.น.5 และ สืบสวนสน.บางโพงพาง บุกทลายบ่อนจีนเทากลางกรุง ย่านยานนาวาสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 13 ราย คือ น.ส.ชัชชญา (ผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน) ในข้อหา “จัดให้มีการละเล่นการพนัน (ไพ่โป๊กเกอร์) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ ชาวต่างชาติ 12 ราย (นักพนัน) ในข้อหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนัน (ไพ่โป๊กเกอร์) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต
พร้อมของกลาง เงินสดสกุลไทย จำนวน 319,400 บาท,เงินสดสกุลประเทศสิงคโปร์ จำนวน 5,308 เซนต์,เงินสดสกุลประเทศจีน จำนวน 7,035 หยวน ,เงินสดสกุลประเทศฮ่องกง จำนวน 12,074 ดอลล่าฮ่องกง,เงินสดสกุลทวีปยุโรป จำนวน 100 ยูโร,เงินสดสกุลประเทศมาเก๋า จำนวน 70 หยวน , ชิฟพร้อมกระเป๋า จำนวน 5 ล้านบาท (อุปกรณ์แทนเงินสด) จำนวน 2 กระเป๋า,ไพ่ จำนวน 4 สำรับ,โต๊ะสำหรับเล่นโป๊กเกอร์ จำนวน 1 โต๊ะ
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า ที่บริเวณชั้น 3 ของอาคารย่านยานนาวา มีการลักลอบจัดให้มีการละเล่นการพนันไพ่โป๊กเกอร์ ซึ่งอาคารดังกล่าวบริเวณชั้น 1 เปิดเป็นร้านอาหารจีนบังหน้า โดยเมื่อปี 2566 เคยถูกจับกุมเรื่องของเสพยาเสพติดจนทำให้มีคนเสียชีวิต และได้ปิดกิจการไป ก่อนจะมาเปิดอีกครั้งโดยผู้ประกอบการเป็นคนละคนกัน
เมื่อชุดจับกุมเข้าไปที่ห้องหมายเลข 5555 ของชั้น 3 พบนักพนันเล่นอยู่มากกว่า 20 คน โดยแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นชาวต่างชาติ สามารถจับกุมนักพนันทั้งหมด 12 คน แบ่งเป็นหญิง 2 ชาย 10 สัญชาติจีน 8 คน สิงคโปร์ 2 คน ฟิลิปปินส์ และอินเดียอย่างละ 1 คน รวมทั้งจับผู้ดูแลเป็นหญิงชาวไทย 1 คน ส่วนนักพนันที่เหลือมากกว่า 10 คน หลบหนีไปได้
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำนักพนันชาวต่างชาติให้การว่า มีเพื่อนชาวต่างชาติชักชวนให้มาเล่นการพนันแบบปากต่อปาก โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าที่ประเทศไทยการเล่นพนันจะผิดกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นเป็นปกติที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีนักพนันที่เป็นชาวสิงคโปร์ 1 คน overstayed ส่วนผู้ดูแลที่เป็นหญิงชาวไทยให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายจ้างที่เป็นคนจีนมานานกว่า 1 ปี
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันเล่นพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหาเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนัน กับหญิงผู้ดูแลชาวไทย รวมทั้งจะมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของอาคารที่ให้เช่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่
2025.2.10 สงสัยสาวเมืองคอนฆ่ายัดเป๋าถ่วงน้ำ หายไปช่วงปลายปี ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่
ตำรวจพลิกแผ่นดินล่าฆาตกรโหดฆ่าสาวนิรนามยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ จ.ระยอง ชุดสืบสวนเร่ง ตรวจสอบซีเรียลนัมเบอร์จากซิลิโคน หลังพบผู้ตายเสริมหน้าอก ล่าสุดผลพิสูจน์ดีเอ็นเอเหยื่อออกแล้ว ใครสงสัยเป็นญาติสูญหายติดต่อได้ที่โรงพัก ด้านสาวภูเก็ตสงสัยเป็นเพื่อนสาวชาวนครศรีธรรมราชที่หายตัวลึกลับช่วงปลายปีที่ผ่านมา ญาติแจ้งความตั้งแต่ต้นปีไม่คืบหน้า แถมโดนมิจฉาชีพหลอกจับตัวเรียกค่าไถ่สูญเงินไป 2.5 แสน
ยังคงเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีพบศพสาวนิรนามถูกฆาตกรโหดฆ่าเปลือยยัดกระเป๋าเดินทางขนาด 28 นิ้ว ภายในมีเหล็กเสริมดัมเบล 2 อัน หนัก 20 กก. นำไปทิ้งน้ำในคลองพยูน ซอยสนามกอล์ฟดิเอมเมอรัลด์ ระยอง หมู่ 6 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง สภาพศพขึ้นอืด ไม่สามารถพิสูจน์ร่องรอยบาดแผลได้ เบื้องต้นคาดว่า ผู้ตายน่าจะถูกคนร้ายทำร้ายเสียชีวิตมาจากที่อื่นนำศพยัดกระเป๋าถ่วงน้ำอำพราง หลังเกิดเหตุมีชาวบ้านที่แจ้งความบุคคลสูญหายกว่า 10 ราย สงสัยเป็นญาติเข้าไปตรวจสอบแล้ว 7 ราย เหลืออีก 4 ราย อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ยืนยัน
ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสาว เมื่อวันที่ 9 ก.พ. พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.สภ.บ้านฉาง สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบหาเบาะแสคนร้าย รวมถึงกำชับพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานและติดตามผลพิสูจน์หญิงที่สูญหายและญาติเข้าแจ้งความไว้หลายท้องที่ พ.ต.อ.อาทิตย์เปิดเผยว่า สำหรับผลการตรวจสอบหญิงสาวที่สูญหายที่เหลืออีก 4 ราย ปรากฏว่าไม่ใช่ผู้เสียชีวิต เพราะผู้ตายทำศัลยกรรมจมูกและเสริมหน้าอก ส่วนจะเป็นคนไทยหรือไม่จะต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.อาทิตย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผลตรวจดีเอ็นเอหญิงที่เสียชีวิตออกแล้ว ใครสงสัยว่าเป็นญาติสามารถติดต่อเข้ามาได้ ตอนนี้ตำรวจมุ่งประเด็นสืบทราบให้ได้ว่าผู้ตายเป็นใคร ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์จากซิลิโคนเสริมหน้าอก แต่วันนี้บริษัทนำเข้าซิลิโคนปิด ต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน คาดว่าน่าจะระบุตัวตนผู้เสียชีวิตได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องกระเป๋าและดัมเบล ก็จะหาข้อมูลควบคู่กันไป ฝ่ายสืบสวนทั้งจากภาค 2 สืบจังหวัดระยองและ สภ.บ้านฉาง กระจายกำลังเก็บหลักฐานและข้อมูลพยานแวดล้อม เพื่อตีกรอบหากลุ่มบุคคลต้องสงสัย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ เพราะกลัวคนร้ายจะไหวตัว
“ตอนนี้สามารถยืนยันหญิงที่เสียชีวิตเป็นชาวเอเชีย อายุประมาณ 30-40 ปี สูง 155 เซนติเมตร ผมสีดำมีการย้อมสีน้ำตาลบางส่วนยาว 48 เซนติเมตร ศัลยกรรมจมูกและหน้าอก สีผิวขาวเหลือง ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกาย และไม่พบรอยสัก แต่อาจเป็นไปได้ที่ผู้เสียชีวิตจะไปลบรอยสักออก อยากให้ญาติหรือคนรู้จักที่สงสัยเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจได้” ผกก.สภ.บ้านฉางกล่าว
ที่ จ.ภูเก็ต ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.พา (นามสมมติ) ที่สงสัยว่าศพหญิงถูกฆ่ายัดกระเป๋าเดินทางทิ้งน้ำ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง อาจเป็น น.ส.วิลาวัลย์ บุญเกื้อ อายุ 32 ปี ชาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อนรักที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ญาติแจ้งความไว้เมื่อต้นเดือน ม.ค.68 ที่ผ่านมา ล่าสุดที่เจอกันตัวเป็นๆคือเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ต่อมาวันที่ 27 ธ.ค.เพื่อนบอกว่าจะไปประเทศเมียนมา และคุยกันอีกครั้งวันที่ 28 ธ.ค. จากนั้นติดต่อไม่ได้ น.ส.วิลาวัลย์มาทำงานขายเสื้อผ้าที่ภูเก็ต ก่อนหายตัวไปบอกจะไปหาแฟนฝั่งเมียนมาแล้วเงียบไปเลย ที่ผ่านมาได้คุยกับญาติของเพื่อนตลอด และแจ้งความไว้ที่ สภ.ทุ่งสง เพื่อนมีรอยสักรูปขนนกที่เอว และสักยันต์เก้ายอดที่หลัง อย่างไรก็ตาม ตนขอว่าศพหญิงที่พบใน จ.ระยอง ไม่ใช่เพื่อนรัก
มีรายงานว่า คดีการหายตัวไปของ น.ส.วิลาวัลย์ พบบุคคลสวมรอยแจ้งกับญาติว่าได้จับตัว น.ส.วิลาวัลย์เรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 แสนบาท ญาติได้โอนเงินไปให้บุคคลดังกล่าวไปก่อน 250,000 บาท สุดท้ายโดนหลอกไม่สามารถติดต่อได้ จากข้อมูลญาติที่แจ้งความตำรวจเบื้องต้นให้ข้อมูลว่า น.ส.วิลาวัลย์เดินทางกลับจากประเทศจีนไปลงสนามบินที่ จ.เชียงราย แล้วเดินทางข้ามชายแดนไปประเทศเมียนมากับเพื่อนชื่อบอลวันที่ 28 ธ.ค.67 ผ่านด่าน อ.แม่สาย จากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย กระทั่งพบศพหญิงถูกฆ่ายัดกระเป๋าที่ จ.ระยอง แต่ยังไม่รู้ว่าใช่ น.ส.วิลาวัลย์หรือไม่
2025.2.10 สลด 2 ศพ หนุ่มยิงแฟนดับ หลังตามขอคืนดีไม่สำเร็จ ก่อนปลิดชีพตัวเองตาม
สลด 2 ศพ หนุ่มตามยิงแฟนดับคาห้องเช่า หลังง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ ก่อนปลิดชีพตัวเองตาม เพื่อนเศร้า เล่านาทีเกิดเหตุ
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 10 ก.พ. 68 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันในห้องเช่าบริเวณข้างร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ติดถนนเลี่ยงเมือง สายพิจิตร-ตะพานหิน หมู่ 4 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 ราย มีเลือดท่วมตัว อาสาสมัครกู้ภัยสรรเพชญพิจิตรและเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเทศบาลเมืองพิจิตร ได้รีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 รายนำส่งโรงพยาบาลพิจิตร และได้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ในเวลาต่อมา
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลัง คือ น.ส.ณัฐพร โพธิ์กล่ำ อายุ 22 ปี ชาว ต.ป่ามะคาบ อ.เมืองพิจิตร สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด เข้าที่บริเวณศีรษะ แขนและด้านหลัง 1 นัด ส่วนผู้เสียชีวิตฝ่ายชาย ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายปรีชา หรือ บอล จุลมุสิก อายุ 37 ปี ชาว ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันที่บริเวณศีรษะด้านขวา 1 นัด
จากการสอบสวน น.ส.พจนารถ เนาว์กลาง อายุ 20 ปี ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ณัฐพร ผู้เสียชีวิต ซึ่งประกอบอาชีพเป็นช่างทำเล็บอยู่ที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในตัวเมืองพิจิตร และได้เช่าที่พักอยู่ห้องพักเกิดเหตุ ได้บอกให้ตนและเพื่อนอีกสองคน ชื่อ น.ส.ชลิตา นุชขำ และ น.ส.นิชาภา ศรีปัญญา มาอยู่เป็นเพื่อน เนื่องจาก น.ส.ณัฐพร เพิ่งจะเลิกกับ นายปรีชา ผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 1 เดือน และก่อนหน้าผู้ก่อเหตุได้มางอนง้อและขู่จะทำร้าย
โดยตนเองและเพื่อน ถ้าใครว่างก็จะมาอยู่เป็นเพื่อน ดึกๆ ก็จะกลับไปพักที่บ้าน ขณะเกิดเหตุพวกตนได้เปิดประตูห้องพักเดินออกมาเพื่อจะกลับที่พัก ผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟสีขาวทะเบียน 1 กถ 3955 พิจิตร มาจอดที่ถนน แล้วได้ถืออาวุธปืนวิ่งสวนพวกตนเข้าไปจ่อยิงผู้ตาย และจ่อศีรษะตัวเองจนได้รับบาดเจ็บ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ผู้ตายฝ่ายหญิงเลิกคบ ทราบว่าฝ่ายหญิงได้ทำพาสปอร์ต และจะไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน ผู้ก่อเหตุได้พยายามมาง้อขอคืนดี แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีด้วย จึงก่อเหตุสยองดังกล่าว
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพิจิตรพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.พิจิตร ได้ลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่าได้ส่งศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไปผ่าพิสูจน์ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก
หลังจากนั้นจะมอบศพให้ญาตินำไปทำพิธีทางศาสนา โดย น.ส.ณัฐพร ทางแม่จะนำไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดหนองบัว อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย เพราะแม่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ศรีนคร ส่วนศพของนายปรีชา ผู้ก่อเหตุญาติจะนำศพไปไว้ที่วัดเขตมงคล อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
ด้าน นางเมตตา นงนุช เพื่อนข้างห้องพักที่เกิดเหตุกล่าวว่าได้ยินเสียงปืนและรู้สึกตกใจ ไม่กล้าออกมาดู โดยห้องเกิดเหตุมาเช่าอาศัยประมาณ 1 ปี และมีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง.

ตำรวจบุกทลายแก๊งเงินกู้จีนเทารวบลูกจ้าง 12 คน เช่าพูลวิลล่าหรูตั้งฐานเงินกู้ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Wechat ให้กับลูกค้าชาวจีน คิดดอกเบี้ยร้อยละ 30 ก่อนหน้านี้ตั้งฐานอยู่ที่ดูไบมากว่า 5 ปี แต่ค่าครองชีพสูงย้ายมาที่เมืองไทย หมุนเวียนเปลี่ยนคนทำงานตลอด ตำรวจเร่งหาหลักฐานสาวถึงนายทุนใหญ่
ตำรวจรวบแก๊งเงินกู้จีนเทารายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.พ. พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จ.ชลบุรี พร้อมกำลังชุดปราบปรามพิเศษ สภ.บางละมุง กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จ.ชลบุรี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ชลบุรี นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 2 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นฐานที่ตั้งของแก๊งเงินกู้ออนไลน์ชาวต่างชาติ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพูลวิลล่าหรูเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ภายในแบ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น 1 หลัง และหลังเล็กอีก 2 หลัง เจ้าหน้าที่จับกุมชาวจีน 12 คน เป็นชาย 11 และหญิง 1 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 61 เครื่อง หนังสือเดินทาง บัตรเอทีเอ็ม และเงินสดจำนวนหนึ่ง ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่เดินทางใช้วีซ่านักท่องเที่ยวและนักเรียนเข้ามาตั้งแต่เดือน ส.ค.67 พบผู้ต้องหาอยู่เกินกำหนด (โอเวอร์สเตย์) จำนวน 2 ราย
สำหรับพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องหาจะปล่อยเงินกู้ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Wechat ให้กับลูกค้าที่ประเทศจีน กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะสุ่มหาข้อมูลมาจากในระบบออนไลน์ มีลูกค้ามากกว่าร้อยรายต่อเดือนปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้ารายละ 2,000-3,000 หยวน หรือเป็นเงินไทยประมาณ 10,000-15,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 30 ส่วนลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทน 15,000-20,000 บาทต่อเดือน ไม่รวมค่าคอมมิชชัน ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ต้องหาตั้งฐานที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกอบธุรกิจมานานกว่า 5 ปี แต่เนื่องจากค่าครองชีพสูงย้ายมาตั้งฐานที่ไทย กระทั่งถูกจับกุม
1 ในผู้ต้องหาให้การว่า พวกตนเป็นลูกจ้างไม่เคยพบหน้านายจ้าง ทราบเพียงว่าเจ้านายเช่าบ้านหลังนี้ให้อยู่กับเอเจนซีในราคา 150,000 บาทต่อเดือน เช่ามาตั้งแต่เดือน ส.ค.2567 เมื่อลูกจ้างอยู่ใกล้เวลาเกินกำหนดจะถูกส่งกลับแล้วจะมีทีมใหม่เปลี่ยนเข้ามาหมุนเวียนทำงาน ตำรวจแจ้งข้อหาคนต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดอื่นๆ นั้นจะต้องสืบสวนขยายผลจากข้อมูลหลักฐานในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งสืบหาตัวการและหัวหน้าของขบวนการจีนเทาต่อไป
2025.2.7 Power Cut Continues at Myanmar Border
TAK, Feb 7 – Thailand has entered the second night of its cutoff of power, internet, and fuel supplies to the Myanmar border town of Myawaddy, escalating efforts to dismantle the operations of Chinese criminal syndicates.
Deputy Prime Minister and Defence Minister Phumtham Wechayachai confirmed that the Thai government had discussed with Myanmar before cutting off electricity and pointed out that they set a 6-month timeframe for the cutoff before deciding whether to extend it.
The move, which began on Wednesday, has seen a significant decrease in electricity consumption observed in Myawaddy.
From vantage points along the Mae Sot border, the lights of Myawaddy, including those in areas controlled by Chinese criminal groups, were visibly dimmer compared to previous nights.
The lights we see in Myawaddy are about half of what they used to be. Most likely, residents are relying on solar power and generators, as the distinct hum of generators can be heard.
Fuel has become scarce and expensive in Myawaddy, with prices soaring to over 40 baht per liter. Reports indicate that purchases are limited to one liter per person per day.
The cutoff has raised concerns about potential smuggling of fuel and solar panels. Thai authorities are preparing to meet with 59 border crossing operators on Friday to seek their cooperation in addressing this issue.
The Thai measures have drawn a reaction from a leader of a Myanmar Border Guard Force (BGF) group operating in the Shwe Kokko area, a hub of Chinese investment. The leader is said to be preparing a statement calling on Thailand to jointly develop the border area and pledging cooperation in combating crime in Myawaddy.
Meanwhile, 61 foreigners, mostly Chinese nationals, were released by the BGF and crossed into Thailand on Thursday. They told Thai authorities that they were victims of call center scams and forced labor in Myawaddy. Some claimed they were not paid wages or were physically abused.
2025.2.7 4 หญิงไทยให้ข้อมูล ตร. คดีทุนจีนหลอกค้าไข่สืบพันธุ์ที่จอร์เจีย
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย พาหญิงไทย 4 คน ที่ตำรวจไทยและตำรวจสากลช่วยกันช่วยเหลือออกจากประเทศจอร์เจีย หลังถูกหลอกไปอุ้มบุญ ขายไข่สืบพันธุ์ เข้าให้ข้อมูลกับพลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการนี้ ซึ่งมีทั้งคนไทยและกลุ่มจีนเทา รวมถึงขอให้ช่วยเหลือหญิงไทยที่ยังถูกบังคับรีดไข่สืบพันธุ์อยู่ที่จอร์เจียอีกกว่า 100 คน
พฤติการณ์ของขบวนการนี้เป็นกลุ่มจีนเทาในประเทศจอร์เจีย ที่ทำธุรกิจค้ามนุษย์ขายไข่สืบพันธ์ มีการโพสต์ชักชวนผ่านทางเฟซบุ๊ก หลอกหญิงสาวไปอุ้มบุญ อ้างว่าเป็นงานถูกกฎหมาย มีรายได้ 4-6 แสนบาท กักขังไว้ในบ้านพัก และถูกฉีดยาเร่งไข่สืบพันธุ์ เมื่อร่างกายพร้อมก็จะวางยาสลบและใส่เครื่องมืดสอดช่องคลอดเพื่อรีดไข่สืบพันธุ์ออกมา รวบรวมแล้วส่งไปประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้ว เหยื่อที่ร่างกายไม่พร้อม ไม่สามารถตกไข่ได้ ก็อาจต้องถูกกักขังนานถึง 7-8 เดือนไปเรื่อยๆ ส่วนคนที่ทนไม่ไหวอยากกลับบ้าน ก็จะถูกเรียกค่าไถ่ตัวหลายหมื่นบาท อ้างว่าเป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ รวมถึงข่มขู่ว่าหากกลับประเทศไทยก็จะถูกดำเนินคดี
ผู้เสียหายเล่าว่า เห็นโพสต์รับสมัครอุ้มบุญถูกกฎหมาย ให้ค่าตอบแทน 5 แสนบาท จึงสนใจและติดต่อไป โดยมีคนไทยไปส่งที่สนามบินและมีคนไทยพาไปด้วย แต่เมื่อเดินทางไปถึงที่จอร์เจีย จะถูกยึดพาสปอร์ต กักขังไว้ในบ้านพัก หลังจากนั้นก็ฉีดยาให้ หลายครั้ง ทำให้ ไม่สบายกินข้าวไม่ได้ ทรมานกินไรไม่ได้ ได้กิน ให้กินแต่น้ำก๊อก แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ไม่ได้พูดคุยกับใคร ซึ่งในบ้านพักหลังดังกล่าวมีหญิงไทยที่ร่วมชะตากรรมในบ้านพักกลุ่มจีนเทาอีก 4 หลัง แต่ละหลังมีหญิงไทยอยู่ประมาณ 50-60 คน ตนเองทนไม่ไหวไม่เหมือนที่พูดคุยกันไว้ จึงตัดสินใจติดต่อมูลนิธิให้ช่วยเหลือฯ
ด้านพลตำรวจเอกธัชชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้กองการต่างประเทศอยู่ระหว่างประสานตำรวจจอร์เจียเพื่อขอข้อมูลขบวนการดังกล่าว และมอบหมายให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ บก.ปคบ. ขยายผลตรวจสอบกลุ่มขบวนการดังกล่าวที่มีทั้งคนไทยและกลุ่มจีนเทา ว่าจะเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ เนื่องจากที่ประเทศจอร์เจีย การอุ้มบุญถูกกฎหมาย แต่หากเป็นการหลอกลวง ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ด้วย จึงยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ ต้องสอบปากคำผู้เสียหายก่อน
อย่างไรก็ตามผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนเป็นภาษาไทย ตำรวจพอมีข้อมูลแล้ว แต่ต้องสืบสวนเพิ่มเติม ซึ่งตำรวจไทยจะเร่งประสานงานกับตำรวจจอร์เจียช่วยเหลือกลุ่มหญิงไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับ เบื้องต้นมีไม่ต่ำกว่า 10 คนที่แจ้งความประสงค์ผ่านทางมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมยืนยันว่าตำรวจไทยจะไม่มีการดำเนินคดีกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกไป 416.-สำนักข่าวไทย
2025.2.5 พนันออนไลน์ แก๊งคนไต้หวัน เงินหมุน 500 ล้าน อีกราย-จีนเทา เปิดในคอนโด

ตำรวจไซเบอร์ค้น 4 จุด ทลายเครือข่ายเว็บพนัน “sbfplay bet” รวบผู้ต้องหา 5 คน ตัวการใหญ่เป็นชาวไต้หวันมีเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาทต่อปี อีกรายตำรวจ ท่องเที่ยวรวบ 3 จีนเทาในคอนโดหรูกลางห้วยขวาง 2 ใน 3 หลบหนีหมายจับจากประเทศจีน มีสมาชิกกว่า 2 แสนคน เงินหมุนเวียนวันละ 2 ล้านบาท
ตำรวจทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 ราย เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ก.พ. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รรท. รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รรท.ผบ.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ์ นำกำลังชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 บุกทลายเครือข่าย “sbfplay bet” เว็บพนันออนไลน์ เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่กลางกรุง
จุดแรกเข้าค้นบ้านหรูเลขที่ 55/124 หมู่บ้านกลางเมือง ซอยลาดพร้าว 88 ถนนเอกมัย-รามอินทรา แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของออฟฟิศ จุดที่ 2 ค้นบ้านหรูในซอยลาดพร้าว 112 ถนนเอกมัย-รามอินทรา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ จุดที่ 3 ค้นห้องพักชั้น 3 ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 13 ถนนประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และจุดที่ 4 ค้นห้องพักชั้น 4 ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา-ห้วยขวาง แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
ผลการตรวจค้นจับกุมผู้ร่วมเครือข่าย 5 ราย ประกอบด้วยนายซู เยา-ยี้ ชาวไต้หวัน อายุ 50 ปี เป็นผู้รับผลประโยชน์ นายโคล อี เถิง อายุ 34 ปี ชาวไต้หวัน นายซู โจว ฟาง อายุ 23 ปี ชาวไต้หวัน ทำหน้าที่แอดมินและบัญชีม้า นายธนกิจ ไตรประคอง อายุ 21 ปี และนางมิน มิน ฮลา ชาวเมียนมา อายุ 45 ปี พร้อมยึดของกลาง อาทิ รถเบนซ์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ 33 เครื่อง บัญชีธนาคารของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซิมการ์ดโทรศัพท์ผู้ให้บริการของ สปป.ลาวและไทยกว่า 20 ซิม พร้อมธนบัตรเงินสกุลลาว เวียดนาม และไทยอีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.3 พบเว็บไซต์พนันออนไลน์ผิดกฎหมายเครือข่าย sbfplay bet ประกาศโพสต์โฆษณาหรือชักชวนเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปติดตามเพจเฟซบุ๊กการพนัน มีทั้งประเภท สลอต ยิงปลา กาสิโนสด กีฬา โป๊กเกอร์และเกมส์ต่างๆเป็นจำนวนมาก บุคคลทั่วไปสามารถเข้าสมัครเป็นสมาชิกเพื่อเล่นการพนันออนไลน์ได้ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลอีกว่า มีเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปเข้าไปเล่นพนันออนไลน์เว็บไซต์ดังกล่าวทุกวัน ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินเบื้องต้นพบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาทต่อปี จาก
ข้อมูลการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีชาวไต้หวันเป็นผู้รับผลประโยชน์ ใช้วิธีการเขียนโปรแกรมหน้าเว็บไซต์แสดงเป็นเว็บไซต์รับซื้อขายภาพ NFT เมื่อคลิกเข้าไปกลับพบข้อมูลหลังบ้านเป็นเว็บไซต์พนันออนไลน์ชื่อ sbfplay bet
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการจำนวน 14 ราย มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่ผู้รับผลประโยชน์ลงมาจนถึงบัญชีม้า ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายค้นเข้าจับกุมผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เป้าหมายทั้ง 4 จุด เบื้องต้นแจ้งกระทำผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ดำเนินคดี
อีกรายเมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.พร้อมด้วย พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.กรฤวิศวร์ ทองศรีวาณิช ผกก.1 บก.ทท.1 และ พ.ต.ท.นิมิตร จรรยาลักษณ์ สว.กก.1 บก.ทท.1 นำกำลังฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ทท.1 จับกุมนายเหวียง เชอ อายุ 41 ปี นายเภียง ฉาง อายุ 24 ปี และนายพู่ ฮอง อายุ 31 ปี ทั้ง 3 รายเป็นผู้ต้องหาชาวจีน พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์จำนวน 5 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์ 14 ซิม เครื่องสร้างรหัส OTP TOKEN 1 เครื่อง ยาไอซ์ 0.7 กรัม และกระสุนปืน 9 มม. 50 นัด รวบตัวที่ห้องพักในคอนโดมิเนียมหรู ย่านห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
การจับกุมครั้งนี้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มชาวจีนเข้ามาพักอาศัยภายในคอนโดหรูย่านห้วยขวาง มีพฤติกรรมน่าสงสัย ไม่ประกอบอาชีพ เช่าห้องพักเดือนละ 100,000 บาท สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีสัญชาติจีนน่าจะกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ จากนั้นขอหมายค้นห้องพักดังกล่าว พบผู้ต้องหา 3 รายและของกลางทั้งหมด เป็นขบวนการทำเว็บพนันออนไลน์ชื่อ dafabet ที่มีกลุ่มจีนเทาในประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าของ ตรวจสอบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่า เครือข่ายการพนันออนไลน์มีบัญชีสมาชิกผู้เล่นการพนันออนไลน์กว่า 200,000 ราย มีเงินหมุนเวียนวันละ 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่า นายเหวียง เชอ อายุ 41 ปี และนายพู่ ฮอง อายุ 31 ปี เป็นบุคคลที่ทางรัฐบาลจีนต้องการตัวเพื่อนำกลับไปดำเนินคดี คุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง
2025.2.5 คืนสุดท้ายก่อนตัดไฟ “ชเวโก๊กโก่” สว่างไสว เครื่องปั่นไฟกระหึ่ม พบกักตุนน้ำมันเพียบ


เปิดภาพ “เมียวดี” ยังเจิดจ้า คาสิโนและชเวโก๊กโก่ยังเปิดไฟ เสียงใช้เครื่องปั่นไฟดังชัดเจน พบมีการสั่งซื้อน้ำมันดีเซลวันละหลายคันสิบล้อ พร้อมกักตุนน้ำมันหลายแสนลิตร หลัง สมช. มีมติตัดไฟฟ้า น้ำมัน อินเทอร์เน็ต 9 โมงวันนี้
วันที่ 5 ก.พ. 68 มีรายงานว่า จากกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยที่ประชุมมีมติให้ตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต น้ำมัน ทั้งหมด 5 จุด ได้แก่
1.บ้านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
2.บ้านเหมืองแดง-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
3.สะพานมิตรภาพไทย-พม่า-เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
4.สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
5.บ้านห้วยม่วง-อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยเมื่อคืน (4 ก.พ. 68) ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศให้ทำการตัดไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดเมียวดี รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังฝั่งเมียนมา 3 จุดคือ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย และบ้านห้วยม่วง ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด รวมทั้งบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด
ทั้งนี้บริเวณจุดริมน้ำเมย บริเวณบ้านห้วยม่วงหมู่ที่ 6 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ส่งกระแสไฟฟ้าเข้าเมืองเมียวดี พบว่า ในเมืองเมียวดีมีชาวบ้านทั่วไปเริ่มใช้ไฟฟ้าสำรอง ส่วนใหญ่มีการใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ทำให้มีแสงสว่างพอสมควร แต่ความสว่างก็ยังน้อยกว่าก่อนหน้าหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งก็ทราบจากแรงงานเมียนมาว่าทางฝั่งเมียวดีมีการใช้เครื่องปั่นไฟมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากมีข่าวการเสนอตัดไฟฟ้าจากฝั่งไทย ส่วนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งหนึ่งในฝั่งเมียวดียังมีร้านค้าเปิดบริการตามปกติ แสงไฟฟ้าสว่าง แต่ก็เริ่มน้อยกว่าทุกวัน
ส่วนบริเวณจุดเมืองชเวโก๊กโก่ ตรงข้ามบ้านวังผา ยังคงมีไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดใหญ่ เมืองชเวโก๊กโก่ ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟอย่างไม่แคร์ประเทศไทย เปิดใช้ทุกวัน เนื่องจากมีเงินทุนสูงในการสั่งซื้อน้ำมันดีเซลจากประเทศไทย วันละหลายคันสิบล้ออยู่แล้ว และทราบว่ามีการกักตุนน้ำมันจำนวนหลายแสนลิตรอีกด้วย
ประชาชนในพื้นที่กล่าวว่า หากมีการตัดไฟฟ้าอาจจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย เนื่องจากบางพื้นที่เป็นพื้นที่ชุมชน บางพื้นที่เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจ จึงอยากให้รัฐบาลไทยพิจารณารายละเอียดให้มากในด้านผลกระทบต่อเขตเศรษฐกิจท้องถิ่น และความเป็นอยู่ของชาวชุมชน
ด้าน พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา 5 อำเภอชายแดน จังหวัดตาก (แม่สอด-ท่าสองยาง-พบพระ-อุ้มผาง-แม่ระมาด) กล่าวว่า ตามมติของ สมช.ที่ให้ตัดไฟฟ้าในวันที่ 5 ก.พ. 68 เวลา 09.00 น. ว่าในฝั่งตรงกันข้ามก็คงกำลังจับตาดูท่าทีจากฝั่งไทยเพราะมีกระแสเรื่องนี้มาเป็นระยะๆ และเท่าที่ตนประเมินคนที่เดือดร้อนจริงๆ นอกจากฝั่งเพื่อนบ้านแล้ว สิ่งที่ต้องร่วมกันแก้ไขคือผู้ประกอบการจากฝั่งไทย เช่น ขนส่ง น้ำมัน ทั้งนี้หากตัดไฟฟ้าอย่างเดียวอาจไม่เท่าไร แต่เมื่อตัดการขนส่งน้ำมันด้วยคิดว่าจะอยู่ได้ระยะหนึ่งประมาณสัก 2 สัปดาห์ก็น่าจะแย่แล้ว

ตำรวจภูธรภาค 2 สั่งย้าย “ผกก.สภ.องครักษ์” ออกนอกพื้นที่ เซ่นบ่อนพนันที่ ปค.บุกจับ พร้อมพิจารณาสั่งย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง หลังนโยบาย ผบ.ตร.กำชับต้องไม่มีบ่อน และมีผู้เล่นเกิน 150 คน “ผู้การฯ” ต้องรับผิดชอบ พร้อมเร่งตรวจเส้นทางการเงินเชื่อมโยงตำรวจหรือไม่ ด้าน รรท.ผบก.ภ.จว.นครนายก สั่งตั้ง คกก.สอบด่วน ปม ตร.บกพร่อง ละเลย-รู้เห็น หลังไร้เงาร่วมจับกุม
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ต.ไชยพจน์ สุวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ. 2 ในฐานะกำกับดูแลจเรตำรวจภาค 2 เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เข้าจับนักพนันกว่า 200 คน ในบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่จังหวัดนครนายก พร้อมยึดเงินสด ชิปแลกเงินมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งตรวจสอบว่ามีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์ในบ่อนนี้หรือไม่ เนื่องจากบ่อนดังกล่าวมีขนาดใหญ่ โดยที่ผ่านมาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับแล้วว่าต้องไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่
สำหรับบ่อนพนันที่ถูกจับกุม มีผู้เล่นพนันจำนวนกว่า 100 คนจึงถือว่าเป็นบ่อนขนาดใหญ่ และเปิดมาเป็นเวลานาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น หากการตรวจสอบพบก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างไม่ละเว้นอย่างตรงไปตรงมา

4 ก.พ. – เหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองกลางห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณ 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเชื่อคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว และวางแผนมาเป็นอย่างดี
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกชิงทองในร้านทองกลางห้างดังย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณไป 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่าจะดำเนินการออกหมายจับเมื่อไร ส่วนจะมีพนักงานร้านมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ เบื้องต้นพบว่าคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว วางแผนมาอย่างดี ขณะเกิดเหตุพนักงานของร้านเกิดความเกรงกลัว จึงปล่อยให้คนร้ายนำทรัพย์สินไป
จากการตรวจสอบพบว่าร้านทองดังกล่าวเคยถูกก่อเหตุชิงทองมาแล้ว 6 ครั้ง ในรอบ 10 ปี หลังจากนี้จะมีการเชิญผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยหารือ เพื่อปรับแนวทางในการวางแผนป้องกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย
2025.2.2 รวบหนุ่มจีนตัวการใหญ่ จ้างคนไทยวางจุด SIM box พบเป็นอดีตผู้คุม พนง.แก๊งคอลเซ็นเตอร์
รวบหนุ่มจีนตัวการใหญ่ จ้างคนไทยวางจุด SIM box พบเป็นอดีตผู้คุม พนง.แก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากกรณีมีพ่อค้า แม่ค้า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก เข้าแจ้งความนับ 10 คน ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตรัง และอุบลราชธานี ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผล จนรู้ว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการกระจายสัญญาณมาจากย่านรามคำแหง จึงนำหมายศาลเข้าตรวจค้นห้องพัก อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด หรือ SIM box 15 เครื่อง มีการลักลอบใช้เสาสัญญาณในไทย พร้อมจับกุมผู้ร่วมกระบวนคนไทย 4 รายนั้น
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว Mr.Chun Shen Liao สัญชาติจีน ตามหมายศาลจังหวัดพระประแดง ที่ 18/2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และเครื่องบันทึกวงจรปิด 2 เครื่อง ที่คอนโดหรูย่านห้วยขวาง
ภายหลังสืบทราบว่า Mr.Chun Shen Liao คือผู้จ้างวานคนไทยทั้ง 4 คน ให้เปิดห้องพักเพื่อนำ SIM box เข้าไปติดตั้งสัญญาณ โดย Mr.Chun Shen Liao จะรับเงินค่าจ้างการเปิดห้องครั้งละ 100,000 บาท เมื่อหาคนมาเปิดห้องได้แล้ว จะส่งพัสดุเป็น SIM box มายังหอพักจากนั้นจะมีผู้ต้องหาคนไทยทั้ง 4 คนเข้าไปทำการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อให้ส่งสัญญาณจากต่างประเทศได้
จากการสอบปากคำ Mr.Chun Shen Liao ให้การว่ารู้จักกับนายองอาจ ผู้ต้องหา 1 ใน 4 ในเรือนจำเนื่องจากตัวเองเคยต้องโทษในประเทศไทยจากนั้นเมื่อพ้นโทษออกมาก็ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งมีการเสนองานให้ทำในการจัดหาห้องเช่าเปิดเพื่อนำ SIM box ไปใส่ไว้ หลังจากนั้น “อาตี๋” เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศจะเป็นคนส่ง SIM box จากประเทศจีน และเขมร มาทางพัสดุซึ่งนายองอาจจะเป็นเป็นคนเข้าไปติดตั้ง โดยมีการวิดีโอคอลสอนวิธีการติดตั้งทั้งหมด เมื่อทำงานเสร็จอาตี๋จะโอนเงินมาให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลก่อนจะนำมาแจกจ่ายให้กับลูกจ้างคนไทยทั้ง 4 ราย
สำหรับ Mr.Chun Shen Liao ถือเป็นตัวการใหญ่ของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นผู้คุมพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลายสัญชาติที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยสถานที่ทำงานจะแบ่งเป็นชั้นๆ ในแต่ละชั้นจะถูกแบ่งออกเป็นแต่ละประเทศ อาทิ ประเทศไต้หวัน ประเทศจีน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย Mr.Chun Shen Liao ทำหน้าที่ดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทย และไต้หวัน ซึ่งจะมีค่าจ้างอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือนและหากหลอกได้สำเร็จจะมีโบนัสพร้อมกับเปอร์เซ็นต์ที่หลอกได้อยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ เคสที่หลอกเงินคนไทยได้ 37,000,000 ล้านบาท คิดเป็นเงินที่ได้จากการหลอกอยู่ที่ 185,000 บาท
เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน พบว่า Mr.Chun Shen Liao สัญชาติจีน มีประวัติคดีฉ้อโกง (บัญชีม้า, call center) และถูกออกหมายจับคดีฉ้อโกงที่ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 (ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ทางการไต้หวันต้องการตัว) และเคยถูกดำเนินคดี ร่วมกันฉ้อโกง ปลอมบัตรเครดิต ศาลพิพากษาจำคุก เรือนจำคลองเปรม 10 ปี พ้นโทษปี 2563

In Samut Sakhon, an extensive illegal Bitcoin mining operation was uncovered by Thai police yesterday, January 31, resulting in significant financial losses due to unauthorised electricity usage over a three-year period.
The operation, which led to over 500 million baht in losses, was discovered during a raid conducted by the Department of Special Investigation (DSI) following abnormal power consumption reports from the Provincial Electricity Authority.
The investigation revealed a total of 1,788 crypto-mining machines distributed across three warehouses. Specifically, 396 machines were located in Nadi subdistrict, 462 in Baan Koh subdistrict, and 930 in Tha Sai subdistrict. Despite the successful operation, no suspects were apprehended during the raid.
Officials highlighted the magnitude of this seizure, describing it as the largest of its kind, and emphasised the threat such illegal mining poses to national energy stability. The DSI committed to pursuing legal action against those involved and plans to broaden the investigation further. Public cooperation is encouraged for reporting any suspicious activities, and any government officials found to be complicit will face legal consequences, reported The Pattaya News.
Illegal Bitcoin mining has become a rising issue in Thailand, driven by the increasing value of cryptocurrency and cheap electricity in certain areas. While cryptocurrency trading is legal under Thai regulations, unauthorised mining operations pose significant legal, economic, and environmental concerns.
Many illegal miners bypass meters or tap directly into power grids to avoid high electricity costs, leading to blackouts and financial losses for power companies. Mining rigs require large amounts of electricity and generate excessive heat, increasing the risk of electrical fires, especially in overcrowded or poorly ventilated spaces.
Thai police regulate cryptocurrency activities, but illegal miners often set up secret operations in abandoned buildings, rental properties, or even factories without proper licencing.
Early last month, a joint operation by the Crime Suppression Division (CSD) and the Provincial Electricity Authority exposed a bitcoin mining setup in Chon Buri’s Phanat Nikhom district that had been tampering with its power meter to steal electricity worth hundreds of millions of baht.
发表回复