2025.3.11 จับโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน ขายสื่อลามกเด็กบนดาร์กเว็บ
บก.ปอท. 11 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) จับกุมโปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน จำหน่ายสื่อลามกอนาจารเด็กบนดาร์กเว็บ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้จับกุมนายสเตฟเฟน อายุ 54 ปี สัญชาติเยอรมัน ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, ส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้าเพื่อการแจกจ่าย, ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจก หรือให้เช่าสื่อลามกอนาจารเด็ก, และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวดตอร์” โดยสามารถจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ช่วงประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ.2567 ตำรวจ ปอท.ได้รับการประสานมาจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) ให้ช่วยดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เพราะได้ตรวจพบเว็บไซต์ที่มีการจำหน่ายสื่อที่มีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และสงสัยว่าอาจก่อเหตุในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนจนระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ และยังใช้ดาร์กเว็บ (Dark web) เพื่อจำหน่ายสื่อลามกอนาจาร โดยมีทั้งคลิปแอบถ่าย, คลิปวาบหวิว, คลิปหลุด, คลิปการช่วยตัวเอง และคลิปการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าบุคคลที่ปรากฏอยู่ในสื่อลามกอนาจารส่วนใหญ่เป็นเด็ก
จากการตรวจสอบเว็บไซต์ที่จำหน่ายสื่อลามกอนาจารดังกล่าวพบว่า หากจะเข้าใช้บริการจะต้องมีการสมัครสมาชิก โดยผู้สมัครจะต้องโอนเงินดิจิทัลสกุล Bitcoin หรือ Monero ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาก่อน จึงจะได้เป็นสมาชิก และจะได้รับเครดิตเท่ากับจำนวนเหรียญที่โอนไป หลังจากที่ได้เครดิตแล้ว หากเข้าดูคลิปวิดีโอใดในเว็บไซต์ก็จะถูกหักเครดิตตามราคาของแต่ละวิดีโอ นอกจากจะเข้าชมสื่อลามกอนาจารในเว็บไซต์นี้ได้แล้ว ยังสามารถดาวน์โหลดคลิปลามกอนาจารมาเก็บไว้ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินดิจิทัล พบว่าผู้ต้องหามีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลหลายกระเป๋า โดยมีการแลกเปลี่ยนเหรียญสกุลเงินดิจิทัลเป็นเหรียญสกุลเงินต่างๆ ก่อนจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทโอนเข้าบัญชีธนาคารในประเทศไทย จากข้อมูลการสืบสวนและพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับนายสเตฟเฟน สัญชาติเยอรมัน ผู้กระทำความผิดในคดีนี้ พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก, คอมพิวเตอร์แม่ข่าย, โทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์บันทึกข้อมูล, บัญชีธนาคาร, บัตรเครดิต, ซิมการ์ด และสิ่งของอื่นๆ รวม 36 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อิสระอยู่ที่ประเทศเยอรมัน เมื่อเกษียณจึงเข้ามาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย และใช้ความรู้ความสามารถทางด้านโปรแกรมเมอร์มาสร้างเว็บไซต์จำหน่ายสื่อลามกอนาจาร โดยผู้ต้องหายังให้การเพิ่มเติมอีกว่า ตนเองเป็นผู้ดูแลจัดการดาร์กเว็บ 2 เว็บไซต์ ซึ่งมีวิดีโอลามกอนาจารกว่า 5,000 คลิป โดยส่วนใหญ่เป็นสื่อลามกอนาจารเด็ก มีลูกค้าเป็นสมาชิกกว่า 10,000 ราย แต่ละรายจะต้องมีการชำระเงินขั้นต่ำในการเข้าชมจำนวน 10 ดอลลาร์ ภายหลังจากที่ผู้ต้องหาได้รับเหรียญดิจิทัลสกุล Bitcoin จากลูกค้าแล้ว ผู้ต้องหาจะทำการยักย้ายถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลอื่น ๆ และแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลเป็นเหรียญสกุลต่างๆ ก่อนจะนำเหรียญดิจิทัลมาขายเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศไทย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์บันทึกข้อมูลของผู้ต้องหาเพิ่มเติม พบสื่อลามกอนาจารต่างๆ ในรูปแบบวิดีโอ และภาพนิ่ง จำนวนมากกว่า 140,000 ไฟล์ อีกทั้งยังพบว่า ผู้ต้องหาได้มีการขายโปรแกรม Spyware ผ่านดาร์กเว็บ ซึ่งเป็นโปรแกรมลักลอบติดตั้งในอุปกรณ์โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อดักเก็บข้อมูลส่วนตัว โดย Spyware สามารถดักเก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์, การรับสาย-โทรออก, ข้อมูลการพิมพ์, การแจ้งเตือนต่างๆ, ติดตามตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลรูปภาพ วิดีโอ ไฟล์ต่างๆ ภายในอุปกรณ์ได้ โดยมีการขายเป็นรายเดือน เดือนละ 16.95 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 572 บาท. -420-สำนักข่าวไทย
2025.3.11 จับหนุ่มเหนือ ตัวการฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 70 แก๊ง
11 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมหนุ่มดอยแม่สลอง คนไทยขายชาติ เป็นตัวการฟอกเงินให้แก๊ง Call Center กว่า 70 แก๊ง ตุ๋นคนไทยวันละ 30 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ได้จับกุม นายบุรพล อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน” จับกุมได้ที่หน้าบ้านบริเวณ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตข้าราชการ ถูกแก๊ง Call Center โทรมาหลอกให้โอนเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหา สามารถจับกุมได้ตั้งแต่ บัญชีม้า, คนจัดหาบัญชีม้า, พนักงานคอลเซ็นเตอร์, ล่ามแปลภาษา, บอสชาวจีน และทลายเครือข่ายลักลอบพาบัญชีม้าข้ามแดน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในออฟฟิศที่ทำการฟอกเงินให้กับแก๊ง Call Center ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำให้สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญในการฟอกเงินซึ่งอยู่ในออฟฟิศดังกล่าวได้ จนกระทั่งในช่วงปลายเดือน ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ทางการไทยมีการปราบปรามและกดดันแก๊ง Call Center อย่างหนัก ทำให้ออฟฟิศดังกล่าวต้องปิดทำการชั่วคราว และผู้ต้องหารายนี้กลับเข้ามาฝั่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านบนดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย สอบคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าไปทำงานเป็นพนักงานในออฟฟิศฟอกเงินให้แก๊ง Call Center บริเวณโซน 3 ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีบอสชาวจีนเป็นเจ้าของเป็นออฟฟิศฟอกเงินขนาดใหญ่ให้กับแก๊ง Call Center ที่หลอกลวงคนไทยทุกรูปแบบกว่า 70 แก๊ง โดยจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 8-12% โดยในแต่ละวันจะมีเงินเข้าประมาณ 30 ล้านบาท หรือเกือบ 1 ล้าน USDT นายบุรพล เริ่มไปทำงานตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะมีบัญชีม้าชาวไทย เข้ามาที่ออฟฟิศทุกวัน วันละประมาณ 20 คน โดยมีนายหน้าชาวไทย เป็นคนติดต่อบัญชีม้าและพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ มาส่งให้กับนายหน้าชาวจีน โดยบอสขาวจีนจะให้ค่าบัญชีม้า บัญชีละ 8,000 -12,000 บาท โดยนายบุรพล ทำหน้าที่แปลภาษาให้บอสชาวจีน, เช็คแอป ธนาคารที่บัญชีม้าเปิดมา, สแกนหน้าบัญชีม้าเพื่อ โอนเงิน, เปลี่ยนเงินจากเงินสดในบัญชีม้าเป็น เงินดิจิตอลสกุล USDT ผ่านแอปพลิเคชันคริปโตเคอเรนซี่ และโอนเงินดิจิตอลสกุล USDT เข้า Wallet ของบอสชาวจีน จากนั้นบอสชาวจีนจะกระจายโอนส่วนแบ่งเป็น USDT เข้า Wallet ของแต่ละแก๊งตามยอดเงินที่หลอกลวงได้
จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
2025.3.11 ล่าตัวหนุ่มโหด ทำร้ายเมียจนถูกบอกเลิก บุกบ้านยิงอดีต “พ่อตา-แม่ยาย” ดับสลด
ตำรวจเร่งตามล่าตัว “หนุ่มโหด” บุกยิงอดีต “พ่อตา-แม่ยาย” ดับคาบ้าน หลังทำร้าย “เมีย” จนโดนบอกเลิก ญาติเผยเคยขู่ไว้ ถ้าเลิกลาจะฆ่าทิ้ง
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 11 มีนาคม 2568 พ.ต.ต. บุญเชิด เชิดบารมี สว.(สอบสวน) สภ.อุทัย ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณภายในหมู่บ้านบัวคลี่ ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรายงาน พล.ต.ต. นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ. มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.อุทัย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธศวรรย์ รุดไปที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านทาวน์โฮมชั้นเดียวปลูกติดกัน บริเวณภายในบ้านพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย นอนอยู่ในห้องด้านหลัง และผู้หญิงอีก 1 ราย นอนขวางประตูอยู่ในห้องโถงทางเข้าบ้าน ตรวจสอบสภาพบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นผู้หญิง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชธานี และเด็กผู้ชายวัย 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงที่บริเวณนิ้ว
ล่าตัวหนุ่มโหด ทำร้ายเมียจนถูกบอกเลิก บุกบ้านยิงอดีต “พ่อตา-แม่ยาย” ดับสลด
จากการสอบถาม นางสาวมีนา เข็มแก้ว อายุ 43 ปี พี่สาวของคนตายฝ่ายหญิง บอกว่า คนร้ายน่าจะเป็นแฟนผู้บาดเจ็บ เนื่องจากเคยมีการข่มขู่ว่า ถ้าเลิกราจะฆ่าทิ้ง จนเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ผู้บาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกาย จึงไปค้าขายกับพ่อแม่ที่ฝั่งลาว
จนกระทั่งทราบว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงเพิ่งกลับมาเมื่อวาน มาที่บ้านหลังเกิดเหตุ พอดีทางผู้ก่อเหตุนั้นทราบว่าผู้บาดเจ็บกลับมาอยู่บ้าน จึงได้ตามมาพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหา ผู้บาดเจ็บจึงเปิดประตูให้ และก็ถูกก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บาดเจ็บ ก่อนจะไปยิงหลาน ซึ่งเป็นลูกของผู้บาดเจ็บ แต่พ่อเลี้ยงคนตายที่อยู่ในบ้าน ได้มากระโดดป้องกันไม่ให้เด็กถูกทำร้าย จึงถูกยิง และภรรยาก็มาถูกยิงไปอีก 1 ศพ จากนั้นคนร้ายก็ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไป
ส่วนผู้ก่อเหตุกับผู้บาดเจ็บนั้นเพิ่งคบหากันได้ 1 ปี และเพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุชอบทำร้ายร่างกายผู้บาดเจ็บอยู่เป็นประจำ จนผู้บาดเจ็บทนไม่ได้ บอกขอเลิกราจนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในบ้าน 2 รายนั้น ผู้ชายชื่อ นายณัฐวุฒิ นิ่มมาก อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของผู้บาดเจ็บ ส่วนนางสาวสิริพร ตุดา อายุ 38 ปี คนตาย เป็นแม่ของผู้บาดเจ็บ ซึ่งผู้บาดเจ็บก็มีลูกชาย 1 คน อายุ 5 ขวบ
ล่าตัวหนุ่มโหด ทำร้ายเมียจนถูกบอกเลิก บุกบ้านยิงอดีต “พ่อตา-แม่ยาย” ดับสลด
ทางด้าน พล.ต.ต. นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังจากที่พูดคุยกับพี่สาวของคนตาย ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุนั้นคาดว่าน่าจะเป็นแฟนของผู้บาดเจ็บ ที่มาใช้อาวุธปืนยิงคนภายในบ้านเสียชีวิตถึง 2 ราย มูลเหตุเกิดจากผู้ก่อเหตุนั้นทำร้ายร่างกายผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นแฟนเพิ่งคบหากันอยู่เป็นประจำ จนผู้บาดเจ็บนั้นขอเลิก และยังถูกผู้ก่อเหตุข่มขู่เอาไว้ ถ้าเลิกจะใช้อาวุธปืนมายิงทิ้ง
พอผู้ก่อเหตุข่มขู่ ทางผู้บาดเจ็บจึงได้มาอยู่กับพ่อ ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง และมาอยู่กับแม่พร้อมลูกชาย 1 คน ซึ่งเป็นลูกติดกับแฟนเก่าที่บ้านหลังเกิดเหตุ แล้วผู้บาดเจ็บก็ไปช่วยงานพ่อกับแม่ ร่องผลไม้ที่ประเทศลาว หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุมาทราบว่าผู้บาดเจ็บกลับมาที่บ้าน จึงได้มาตามพูดคุย แล้วใช้อาวุธปืนยิงคนในบ้านเสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นถูกยิง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชธานีไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งทางตนเองจะสั่งการให้ทางชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เบื้องต้นคนร้ายใช้รถยนต์
2025.3.10 ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ฆ่าชาย 32 ปี หวังเงินประกัน 14 ล้าน
ตำรวจ สภ.วานรนิวาส คุมตัว 1 ในผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆาตกรรมชายวัย 32 ปี เพื่อหวังเงินประกันชีวิต มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คนยังให้การปฎิเสธ
วันนี้ (10 มี.ค.256) ตำรวจ สภ.วานรนิวาส ควบคุมตัวนายพีรพัฒน์ 1 ในผู้ต้องหา คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กิโลเมตร ที่ 15 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส ซึ่งเป็นจุดที่นายพีรพัฒน์ พร้อมพวกอีก 3 คน ทำร้ายร่างกายนายวิเชียร อายุ 32 ปี จนเสียชีวิต ก่อนจะอำพรางคดีว่านายวิเชียรถูกรถชน เพื่อหวังเงินประกันภัย
จากการสอบสวนนายพีรพัฒน์ รับสารภาพว่าร่วมกับพวกอีก 3 คน วางแผนลวงนายวีเชียรมาทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปไว้ด้านหลังรถกระบะ และให้ผู้ร่วมขบวนการขับรถลักษณะเฉี่ยวชน จนศพของนายวิเชียรตกลงมาจากรถ และให้รถอีกคันที่ขับมาตามหลังทับศพ เพื่ออำพรางเป็นคดีอุบัติเหตุ
ต่อมาได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีการติดต่อขอรับเงินประกันชีวิต
ขณะที่ตำรวจ ระบุว่า คดีนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 3 คน คือ นายสมศักดิ์ นายพีรพัฒน์ และนายสกล ส่วนนายพรชนก อยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหายังให้การปฎิเสธ มีเพียงนายพีรพัฒน์ที่ให้การรับสารภาพเพียงคนเดียว
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่อจากตัวแทนบริษัทประกันภัยจากบริษัทต่าง ๆ และบริษัทประกันภัยกลาง ได้เข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดปกติของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชน ใน อ.วานรนิวาส จนทำให้มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีพิรุธหลายประเด็น
อีกทั้งก่อนเกิดเหตุไม่นาน รถทั้ง 3 คันที่ประสบอุบัติเหตุ ได้ทำประกันภัยรวม 22 กรมธรรม์ วงเงินประกันภัย 14 ล้านบาท จึงเชื่อว่าเหตุดังกล่าวเป็นการฆาตกรรมอำพราง เพื่อหวังเงินจากการทำประกัน พรบ.รถยนต์ ก่อนตำรวจ จะตรวจสอบภาพจากวงจรปิด และรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
2025.3.10 ตำรวจยื่นขอราชทัณฑ์ สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 5-6 คน คดีอดีตผกก.โจ้
ญาตินำร่าง “ผกก.โจ้” ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดพระศรีมหาธาตุ ตำรวจส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทันฑ์ ขอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง 5-6 คน ยันขอเรือนจำแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
10 มีนาคม 2568 – ที่ตึกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ญาตินำร่าง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ที่เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ ศาลาจีรวัสส์ รัชนิบูล วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าโดยมีการนิมนต์พระมาทำพิธีซึ่งญาติได้มาจุดธูปอัญเชิญดวงวิญญาณก่อนนำร่างขึ้นรถตู้ออกไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้มีกำหนดการพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 16:00 น. และสวดอภิธรรมศพในเวลา 18:30 น. โดยพิธีสวดอภิธรรมศพจะมีไปจนถึงวันที่ 16 มีนาคมนี้ และยังไม่มีกำหนดการฌาปนกิจศพ
ส่วนที่ สน.ประชาชื่น พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่า เบื้องต้นได้ส่งพนักงานสอบสวนถือหนังสือไปขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อทำการสอบสวนคนที่มีรายชื่อจำนวน 5-6 คน ที่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ ที่ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต ประกอบด้วยผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ และผู้ต้องขังที่อยู่ห้องรอบข้างห้องขังผู้กำกับโจ้
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับกระแสข่าวที่จ่อออกหมายเรียกตัวผู้คุมที่เป็นคู่กรณีกับผู้กำกับโจ้ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกาย โดยญาติได้เคยมาแจ้งความและส่งเรื่องให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เนื่องจากคดีทำร้ายร่างกายผ่านระยะเวลามากว่า 2 เดือน พ.ต.อ.สัญญา กล่าวว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง หลังจากที่รับแจ้งความก็ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามประสานทางเรือนจำ เข้าไปดำเนินการดูที่เกิดเหตุ และขอสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องถึง 2 ครั้ง แต่พนักงานสอบสวนไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากยังไม่ได้ได้รับอนุญาตจากทางเรือนจำ ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำพลาด และทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย
อย่างไรก็ตามในวันนี้ญาติของผู้กำกับโจ้ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำออกไปก่อน แต่คาดว่าจะเข้ามาภายในสัปดาห์นี้
2025.3.9 ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 9 มี.ค.-ผลผ่าพิสูจน์ “ผกก.โจ้” ขาดอากาศหายใจ จากการทำร้ายตัวเอง ไม่พบรอยช้ำที่เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อลำคอ ญาติพอใจ แต่ขอส่งศพผ่ารอบสองที่นิติเวช จุฬาฯ เปรียบเทียบผล ส่วนประเด็นผ้าที่ใช้ผูก เข้าได้กับรอยที่คอที่มีขนาดกว้างกว่าเชือก
ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แพทย์ที่ชันสูตรพลิกศพผู้กำกับโจ้ กล่าวว่า การชันสูตรวันนี้ มีผู้แทนญาติ คณะกรรมการชันสูตร 4 ฝ่าย ตัวแทนฝ่ายปกครองอัยการ อนุกรรมการกลั่นกรองตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย เข้าสังเกตการณ์ โดยได้รับอนุญาตจากญาติแล้ว
ผลการผ่าชันสูตรศพ ตรวจเบื้องต้นบริเวณของการเสียชีวิต พบว่า การเสียชีวิตให้น้ำหนักเรื่องผูกคอเสียชีวิตมากกว่าการถูกทำร้ายอื่นๆ ไม่พบบาดแผลที่มีความชัดเจนขนาดนั้น โดยในร่องรอย มีบาดแผลช้ำตามร่างกาย ที่สะโพก ที่หลัง ซึ่งลักษณะเป็นรอยช้ำเก่า จะมีการตรวจเนื้อเยื่อเพิ่มว่า รอยช้ำนั้นเกิดในช่วงใด
ส่วนเลือดที่ออกในที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้ดูที่เกิดเหตุ แต่ได้ถามคณะกรรมการชันสูตรที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งเลือดที่ออกมาหลังการเสียชีวิต ที่มีของเหลวในร่างกายออกมา ลักษณะคล้ายเลือด อาจจะออกทางปากหรือออกทางบริเวณอื่น หรืออาจมาจากบาดแผล ซึ่งลักษณะบาดแผลที่พบเป็นแผลใหม่ มีแค่แผลถลอกที่แขนเท่านั้น จึงคิดว่าเป็นของเหลวที่ออกจากร่างกาย ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐาน สตช.ได้เก็บไปตรวจแล้ว ต้องวิเคราะห์องค์ประกอบของหยดตรงนั้น แผลถลอกที่พบ เห็นตั้งแต่การชันสูตรในที่เกิดเหตุ อาจเป็นแผลจากการไปครูดกับของแข็ง ขณะการพยายามช่วยเหลือ
รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวอีกว่า ผลพิสูจน์เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากผูกคอเสียชีวิต ให้น้ำหนักในการกระทำด้วยตัวเองมากกว่า เพราะลักษณะของแรงที่เกิดขึ้น ไม่พบรอยช้ำของเนื้อเยื่อใต้ลำคอ ใต้รอยรัด ไม่พบรอยช้ำที่กล้ามเนื้อลำคอ ไม่พบการบาดเจ็บของกระดูกกล่องเสียง แรงที่มากระทำไม่เยอะมาก เข้าได้กับการผูกคอ ไม่ใช่ถูกรัดคอ
กรณีเรื่องผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ ตนไม่เห็นผ้า แต่รอยแผลเข้าได้กับผ้า เพราะมีความกว้างกว่าเชือก กว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร
เรื่องของเหลวบริเวณที่เกิดเหตุเป็นข้อสันนิษฐานเรื่องเลือดหรืออย่างอื่น ต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน เท่าที่ตรวจมีเลือดมาจากปาก ส่วนเล็บผู้ตาย ต้องตรวจห้องปฏิบัติการต่อ การตรวจสารพิษหรือยา ใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ จึงรู้ผล ญาติกังวลตรงไหนก็ตรวจตรงนั้นเพิ่มเติม ซึ่งญาติสงสัยเรื่องรอยฟกซ้ำที่ว่าเกิดมา 2 เดือนแล้วจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงใช้การทีซีสแกน ซึ่งต้องรอผลก่อน
นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของผู้กำกับโจ้ กล่าวว่า ครอบครัวส่งร่างไปตรวจที่นิติเวช จุฬาฯ อีกรอบ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองแหล่ง การผ่าวันนี้ก็พอใจ แต่ต้องการเปรียบเทียบผลเรื่องผ้า ญาติเห็นไม่ชัด ต้องดูข้อเท็จจริงในส่วนอนุกรรมการ รวบรวมข้อเท็จจริงก่อนว่าจะมีการดำเนินการมาตรา 157 หรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่า ผู้กำกับโจ้ไม่อยากถูกขังเดี่ยว แจ้งญาติตลอด อยากขอออกจากการขังเดี่ยว ญาติจึงติดใจมูลเหตุ แรงจูงใจที่เสียชีวิต เรื่องถูกทำร้ายก็ยังไม่พบการสอบวินัย
ขณะที่นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง ผู้แทนฝ่ายปกครองที่ชันสูตรในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ที่เกิดเหตุมีผ้าที่ขาดเพราะถูกตัดช่วยเหลือ และชิ้นผ้าที่ศพ นอกจากนั้นก็พบแค่ของส่วนตัวเล็กน้อยของผู้ตาย ผ้าข
นหนูผืนเล็กคือ ขนาดผ้าเช็ดผม กล่องยา ของส่วนตัวเล็กน้อย ซึ่งผ้าต้องรอผลพิสูจน์หลักฐาน ที่ได้ถ่ายรูปไปตรวจสอบ
ล่าสุดญาติได้เคลื่อนศพผู้กำกับโจ้ ออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปขอผ่าพิสูจน์อีกครั้งที่นิติเวช จุฬาฯ.
2025.3.8 จับแล้ว พ่อเลี้ยงโหด บุกใช้ปืนจ่อยิงหัว “ลูกเลี้ยง” ดับคาบ้าน อ้างป้องกันตัว

ตำรวจตามรวบแล้ว “พ่อเลี้ยงโหด” บุกใช้ปืนจ่อยิงหัว “ลูกเลี้ยง” ดับคาบ้าน อ้างป้องกันตัว ด้านแม่คนตายโต้กลับ ยันลูกไม่มีอาวุธ พร้อมขอคัดค้านการประกันตัว
จากกรณีที่ นายศรีเวียง สังข์งาม อายุ 49 ปี ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองยาวจ่อยิงหัว นายวีระพงศ์ หรือพงศ์ ขลิบตรีแก้ว อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง เสียชีวิตคาบ้านในพื้นที่ ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2568 หลังก่อเหตุได้หลบหนีขึ้นบนเขารอยต่อ อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน ศาลจังหวัดทุ่งสง จึงได้อนุมัติออกหมายจับแล้ว เพื่อตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดีดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ล่าตัวชายโหด คว้าลูกซองจ่อหัวลูกเลี้ยงดับคาบ้าน หลังเข้าห้ามไม่ให้ทำร้ายแม่)
ล่าสุดเที่ยงวันนี้ 8 มี.ค. 2568 หลังจากทางตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นำโดย พ.ต.อ.ดร.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน ผกก.สภ.ทุ่งสง พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ได้ออกติดตามไล่ล่า บุกขึ้นเขารอยต่อ 2 อำเภอ คือ อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน สามารถจับกุม นายศรีเวียง อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิง นายวีระพงศ์ ลูกเลี้ยงเสียชีวิต ได้แล้ว หลังมีการประสานนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ใน อ.ทุ่งสง เพื่อติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ทุ่งสง ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวนายศรีเวียง สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพ อ้างว่าป้องกันตัว เพราะนายวีระพงศ์ ลูกเลี้ยง ใช้มีดพร้าทำร้ายตนก่อน
จับแล้ว พ่อเลี้ยงโหด บุกใช้ปืนจ่อยิงหัว “ลูกเลี้ยง” ดับคาบ้าน อ้างป้องกันตัว
ด้าน พ.ต.อ.ดร.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน ผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า คดีนี้ทางตำรวจได้สอบสวนพยานและหลักฐานจนศาลจังหวัดทุ่งสง อนุมัติออกหมายจับตั้งแต่เมื่อวาน โดยสาเหตุมาจาก เรื่องที่พ่อเลี้ยงผู้ก่อเหตุ และลูกเลี้ยงคนตาย มีปัญหาทะเลาะกันมายาวนาน โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว ก่อเหตุยิงลูกเลี้ยงตายจริง เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกับลูกเลี้ยงเป็นประจำ ไม่ลงรอยกัน
โดยเมื่อคืนเกิดเหตุนายศรีเวียง ได้มาที่บ้านของภรรยา และได้มาพูดคุยกับภรรยา ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต และมีการโต้เถียงกับภรรยา และทางลูกเลี้ยงได้เข้ามาห้ามปราม ทำให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจ เพราะทะเลาะกันมาตั้งนานแล้ว นายศรีเวียงได้ใช้อาวุธปืนที่ใช้ในการล่าสัตว์ มายิงลูกเลี้ยงเสียชีวิตดังกล่าว โดยจากการสอบสวนปากคำพยานที่เป็นแม่คนตาย ยืนยันว่า ลูกชายไม่มีการใช้อาวุธมีดพร้าทำร้ายพ่อเลี้ยงก่อน หลังเกิดเหตุนายศรีเวียงพ่อเลี้ยงได้หลบหนีไปซ่อนตัวบนเขารอยต่ออำเภอทุ่งสงกับบางขัน ทางตำรวจได้พยายามกดดัน จนผู้ต้องหาเข้ามอบตัวในที่สุด ซึ่งที่ผ่านมานายศรีเวียง ผู้ต้องหามีประวัติเสพยาเสพติดด้วย เคยถูกจับกุมที่โรงพัก สภ.บางขัน
ด้านนางจิรา คงหอม อายุ 50 ปี แม่นายวีระพงศ์ คนตาย กล่าวว่า ตนเลิกกับนายศรีเวียง ผู้ต้องหามา 6-7 ปีแล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกัน แต่เขายังไปๆ มาๆ หาเรื่องตนเป็นประจำ ซึ่งตนไม่ต้องฝากบอกอะไรกับผู้ต้องหาหรอก เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าเขาทำอะไรลงไปกับลูกตน
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผู้ต้องหาอ้างว่าป้องกันตัวจริงหรือไม่ นางจิรากล่าวว่า ไม่มีไม่เกี่ยวอะไรกัน ป้องกันตัวอะไร ลูกตนไม่ได้ทำอะไรเลย เขาอยู่ในบ้าน ตนขอคัดค้านไม่ให้ประกันตัว
2025.3.7 ล่าตัวชายโหด คว้าลูกซองจ่อหัวลูกเลี้ยงดับคาบ้าน หลังเข้าห้ามไม่ให้ทำร้ายแม่
ที่นครศรีธรรมราช ตำรวจ สภ.ทุ่งสง เร่งล่าตัว พ่อเลี้ยงโหด คว้าปืนลูกซองจ่อยิงหัว “ลูกเลี้ยง” ดับคาบ้าน แล้วหลบหนี เหตุไม่พอใจที่ถูกห้ามไม่ให้ทำร้ายเมีย
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 6 มี.ค. 68 พ.ต.ท.คมกฤช อรุโณทัย สว. (สอบสวน) สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดร.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน ผกก., พ.ต.ท.รณภพ รำเพยเพชร รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.ธีรภัทร ตรีเภรี รอง ผกก.(สอบสวน), พ.ต.ท.ศักดา ทองประพันธ์ รอง ผกก.สส., กำลังตำรวจชุดสืบสวน, ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนครศรีธรรมราช, แพทย์เวรโรงพยาบาลทุ่งสง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) รีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ เพื่อร่วมทำชันสูตรพลิกศพที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวในสวนยางพารา ตรวจสอบในบ้านพบศพ นายวีระพงศ์ หรือ พงศ์ ขลิบตรีแก้ว อายุ 36 ปี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวเข้าศีรษะบริเวณท้ายทอยจนศีรษะเปิดมันสมองหลุดกระจุย เลือดกระเซ็นไปทั่วผนังบ้าน สภาพศพนุ่งกางเกงขาสั้นสีเหลืองตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ นอนหงายจมกองเลือดอยู่ข้างชั้นวางทีวีในบ้าน นอกจากนี้ในบ้านยังพบเศษชิ้นส่วนสมองกระจายเกลื่อน โดยมีนางจิรา คงหอม อายุ 50 ปี แม่คนตายกอดศพร่ำไห้ตลอดเวลา
ส่วนคนก่อเหตุเป็นพ่อเลี้ยงผู้ตาย ทราบชื่อนายศรีเวียง สังข์งาม อายุ 49 ปี ชาว ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช หลังก่อเหตุได้ถืออาวุธปืนลูกซองยาวหลบหนีหายไปกับความมืดก่อนหน้านี้แล้ว ทางตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างล่าติดตามตัว
จากการสอบสวน นายพจน์ ขลิบตรีแก้ว อายุ 38 ปี พี่ชายคนตาย ทราบว่า นายศรีเวียง พ่อเลี้ยงคนก่อเหตุ ชอบทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย นางจิรา คงหอม อายุ 50 ปี ภรรยา และแม่ของนายวีระพงศ์ ผู้ตาย บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่นายศรีเวียงทำร้ายร่างกายนางจิรา นายวีระพงศ์จะเข้าห้ามปราม สร้างความไม่พอใจให้กับนายศรีเวียง
โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็น นายศรีเวียง พ่อเลี้ยง มีปากเสียงทะเลาะทำร้ายร่างกายนางจิรา ภรรยา ภายในบ้าน นายวีระพงศ์ ผู้ตาย เข้าห้ามปราม โดยใช้มีดพร้าข่มขู่นายศรีเวียง พ่อเลี้ยง ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะออกจากบ้านไปเอาอาวุธปืนลูกซอง กลับเข้ามาในบ้านอีกรอบช่วงค่ำ ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่นายวีระพงศ์ 1 นัด กระสุนเข้าลำตัว และศีรษะสมองกระจุยตายคาที่ในบ้าน ก่อนที่นายศรีเวียง พ่อเลี้ยงจะถือปืนลูกซองยาววิ่งหลบหนีออกจากบ้าน
ล่าสุดเช้าวันนี้ 7 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.ทุ่งสง และสืบสวนภาค 8 ลงพื้นที่เพื่อเร่งไล่ล่าติดตามจับกุมนายศรีเวียง คนก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญในพื้นที่ ส่วนความคืบหน้าทางคดี ได้สั่งการพนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอศาลจังหวัดทุ่งสง ออกหมายจับนายศรีเวียงต่อไป
อย่างไรก็ตามทราบว่า หลังจากก่อเหตุนายศรีเวียง พ่อเลี้ยงได้หลบหนีขึ้นบนภูเขา เขตรอยต่อ อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน นครศรีธรรมราช ซึ่งกำลังตำรวจกำลังเร่งไล่ล่ากดดันอย่างหนัก คาดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้
โดยล่าสุดมีรายงานว่า นายศรีเวียง พ่อเลี้ยงโหด ประสานญาติจะขอเข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว แต่ยังไม่มีการมอบตัวแต่อย่างใด ซึ่งความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
2025.3.7 นักเรียน ม.1 รุมแทง ม.6 เลือดคั่งปอดสาหัส เหตุมองหน้ากลางโรงอาหาร รร.ดังเมืองนนท์
นักเรียน ม.1 รุมแทง ม.6 เลือดคั่งปอดสาหัส เหตุมองหน้ากลางโรงอาหาร เผยประวัติผู้ก่อเหตุเคยถูกพักการเรียน
วันที่ 7 มี.ค.68 จากกรณีที่เพจข่าวเพจหนึ่ง โพสต์ภาพเหตุการณ์ชุลมุนในโรงอาหาร หลังมีนักเรียนของโรงเรียนก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงกัน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามคดีนักเรียน ม.1 รุมแทงนักเรียน ม.6 ในโรงอาหารของโรงเรียนชื่อดังย่านราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ต.อ.วุฒิชัย สุคนธวิท ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.30 น. ของวันก่อนหน้า มีการทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธมีดแทงกัน ส่งผลให้นักเรียน ม.6 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกแทงเข้าที่หน้าอกจนมีภาวะเลือดคั่งในปอด ส่วนอีกคนบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณแขน
ตำรวจตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียน ม.1 สองคน ซึ่งถูกติดตามและนำตัวมามอบตัวโดยผู้ปกครอง ทั้งสองรับสารภาพว่าสาเหตุเกิดจาก “มองหน้ากัน” เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า” และถูกส่งตัวไปยังศาลเยาวชนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุเคยดรอปเรียนก่อนกลับมาเรียนใหม่
ด้าน ผอ.โรงเรียน เผยว่า ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ขณะเดินทางกลับจากราชการที่เชียงใหม่ ครูของโรงเรียนรีบนำเด็กที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทันทีโดยไม่รอรถกู้ชีพ เนื่องจากอาการรุนแรง สาเหตุการทะเลาะวิวาทยังไม่ได้สอบถาม เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ แต่ทางโรงเรียนมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจค้นอาวุธนักเรียนที่สวมเสื้อกันหนาว และตรวจรถจักรยานยนต์ของนักเรียนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายพัทธรินทร์ หัวหน้ากลุ่มบริหารงานทั่วไป ยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งให้ลบนักเรียนลบคลิปเหตุการณ์ เพราะขณะเกิดเหตุครูให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือนักเรียนที่บาดเจ็บเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ โรงอาหารในเวลานั้นมีนักเรียนประมาณ 100-200 คน และครูเดินตรวจตราอยู่เป็นระยะ
พ.ต.อ.วุฒิศักดิ์ สุคนธวิทย์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า นักเรียน ม.6 ที่บาดเจ็บทั้งสองรายรักษาตัวที่ รพ.พระนั่งเกล้า และพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุ 2 ราย มีรายหนึ่งถูกพักการเรียนก่อนกลับมาสมัครเรียนใหม่ ขณะนี้ถูกแจ้งข้อหาพยายามฆ่า และอยู่ในกระบวนการของศาลต่อไป
2025.3.6 ผู้ป่วยหาย พยาบาลตามหาทั้งคืน เช้าพบเป็นศพ ตกจากอาคารชั้น 4
เกิดเหตุผู้ป่วยหญิงหายตัว ก่อนพยาบาลช่วยกันตามหาทั้งคืนแต่ไม่เจอ กระทั่งเช้าแม่บ้านเจอศพ พลัดตกจากอาคารชั้น 4 เสียชีวิต
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ รับแจ้งเหตุคนเสียชีวิต ภายในห้องเก็บของพนักงานทำความสะอาด ชั้น 1 โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย เพศหญิง อายุ 38 ปี เป็นชาว อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ สภาพศพหัวตั้งกับพื้นห้อง ก้นชี้ฟ้า เลือดจากศีรษะไหลนองทั่วบริเวณพื้นภายในห้อง โดยผู้เสียชีวิตสวมชุดสีฟ้าของผู้ป่วยที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาล
จากการสอบถามพนักงานเวรเปล ให้ข้อมูลว่า ตนเข้ามารับเวรปฏิบัติหน้าที่ในช่วงกลางคืน ปรากฏว่า เวลาประมาณ 02.30 น. ของวันที่ 6 มีนาคม 2568 ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปิดประตู หรือเสียงสิ่งของกระแทกพื้น ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นเสียงปกติ กระทั่งเช้า จึงมาทราบจากแม่บ้านว่า มีผู้ป่วยที่มารักษาตัวที่ห้องอายุรกรรมหญิง ตกลงมาจากอาคารชั้น 4
ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทราบว่ามีผู้ป่วยกระโดดตึกเสียชีวิต เป็นผู้ป่วยเพศหญิง อายุประมาณ 38 ปี ถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาล โดยคนไข้มาด้วยโรคหัวใจล้มเหลว น้ำท่วมปอด อีกทั้งยังเคยมีประวัติสารเสพติดมาก่อน ตอนนี้รักษาตัวจนผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว เมื่อวานคุณหมอได้ทำการถอดเครื่องช่วยหายใจ และกำลังแพลนให้เดินทางกลับบ้าน
ซึ่งเหตุการณ์อันน่าเสียใจครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 02.30 น. ของวันนี้ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยได้หายไปจากห้องอายุรกรรมหญิง ชั้น 4 หลังทราบเรื่อง พยาบาลและเจ้าหน้าที่ได้รีบออกตามหา และตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดก็ไม่พบคนไข้เดินออกจากตึกผู้ป่วย จากนั้นก็ได้แจ้งศูนย์บัญชาการเขตฉุกเฉิน ดำเนินการตามขั้นตอน กระทั่งเวลา 07.00 น. ได้รับรายงานจากแม่บ้านว่าเจอศพผู้ป่วยในห้องเก็บของ
ทางโรงพยาบาลจึงได้รายงานตามขั้นตอนและแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ทางโรงพยาบาลได้แจ้งญาติและทำความเข้าใจกับญาติ เบื้องต้นทางญาติไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตของผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลจึงได้ดำเนินการช่วยเหลือเรื่องทำศพ และค่าดูแลจัดงานศพให้ในเบื้องต้น ก่อนส่งมอบศพให้กับทางญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
2025.3.6 รวบ ‘ครูดีเด่น’ บังคับ-ทำอนาจารเด็กในห้องเรียนแล้วอัดคลิป พบเหยื่อ 8 ราย
ตำรวจไซเบอร์รวบครูดีเด่นบังคับเด็กอนาจารในห้องเรียนแล้วอัดคลิป พบเหยื่อแล้ว 8 ราย เจอไฟล์ภาพกว่า 2 หมื่น
6 มีนาคม 2568 – ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. นส.สุดาทิพย์ ด้วงทิพย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบครูดีเด่น บังคับเด็กทำอนาจารในห้องเรียนแล้วอัดคลิป พบเหยื่อแล้ว 8 ราย เจอไฟล์อีกนับหมื่น
สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. หรือ TICAC ได้รับการประสานจากศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหายและเด็กถูกละเมิดแห่งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา (NATIONAL CENTER FOR MISSING & EXPLOITED CHILDREN : NCMEC) ว่าได้ตรวจสอบพบภาพของเด็กชายถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมีการอัปโหลดในระบบคลาวด์ของแพลตฟอร์มชื่อดัง เมื่อตรวจสอบIP Address แล้ว พบว่ามีที่มาจากประเทศไทย จึงประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์ให้ช่วยทำการสืบสวน
ต่อมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท.เร่งส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนกรณีดังกล่าว โดยกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้ออกสืบสวนหาพยานหลักฐานต่างๆ จนพบข้อมูลว่า ผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กระทั่ง ช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค.68 พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท./หัวหน้าชุดปฏิบัติการ TICAC 2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิชิต เอียงสา รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ TICAC 5 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ Destiny Rescue International, มูลนิธิ OUR Rescue และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำหมายค้นศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ ค 52/2568 ลงวันที่ 4 มี.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผลการตรวจค้น พบนายกฤษณะ อายุ 32 ปี ข้าราชการครูของโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 2 รายการ เป็นโทรศัพท์มือถือ และ External HDD ขนาดความจุ 2 TB จากการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือของกลาง พบสื่อลามกอนาจารทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย จำนวนเกือบ 20,000 ไฟล์และยังพบสื่อลามกอนาจารเด็กที่นายกฤษณะผลิตเอง โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเด็กที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดซึ่งสามารถระบุตัวตนได้แล้ว จำนวน 8 ราย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบข้อมูลอีกว่านายกฤษณะ เคยได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้สอนที่มีผลงานเชิงประจักษ์ในระดับเขตพื้นที่การศึกษามาแล้วอีกด้วย
จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมเปิดเผยว่า ตนเคยพาเด็กไปล่วงละเมิดทางเพศทั้งในบริเวณห้องเรียนและห้องสมุดของโรงเรียนพร้อมบันทึกภาพและคลิปวีดิโอไว้ โดยให้เงินเด็กเป็นค่าตอบแทน แต่อ้างว่าภาพที่ตนเองถ่ายไม่เคยนำไปเผยแพร่ที่ใด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อประโยชน์ทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนข้อหาอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ข้อหากระทำชำเรา อนาจาร และพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์จากเด็ก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือเด็ก เช่น ครูที่มีนักเรียนอยู่ในความดูแล โทษจะหนักขึ้นตามกฎหมายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวน และสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น หรือเด็กที่อาจตกเป็นเหยื่อรายอื่นต่อไป ในส่วนเด็กผู้เสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับบ้านพักเด็กจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เข้าพูดคุยกับผู้ปกครอง เพื่อคุ้มครองเยียวยาและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
2025.3.5 ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 โดน 4 เพื่อนชายรุมขืนใจ คดีไม่คืบ
ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 ปี โดน 4 เพื่อนชายขืนใจ อ้างเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่คดีไม่คืบหน้า ขณะที่พนักงานสอบสวนยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอเวลาสอบสวนหาข้อเท็จจริง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มี.ค. 68 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน พาผู้เสียหายเป็นเยาวชนหญิง อายุ 14 ปี และแม่เด็ก เข้าพบ พ.ต.ท.ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ รอง ผกก.สืบสวน รักษาการฯ ผกก.สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ถูกเยาวชนชาย 4 คนที่เป็นเพื่อนกัน ใช้กำลังรุมข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ ถ.ปานวิถี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา หลังแม่เหยื่อทราบเรื่องประมาณกลางเดือนธันวาคม 2567 จึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบ่อ แต่คดีไม่คืบหน้า
จากข้อมูลของแม่ฝ่ายเด็กหญิง ผู้เสียหาย อ้างว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ลูกสาวอายุ 14 ปี พาเพื่อนสาวไปหาแฟนที่ห้องพักแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีเพื่อนชายอีก 4 คน หนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน มานั่งเล่นที่บันไดทางหนีไฟบนตึกชั้น 3 ด้วยความไว้ใจ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันมานานและยังมีเพื่อนสาวไปด้วย ลูกสาวจึงขึ้นไป
ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 โดน 4 เพื่อนชายรุมขืนใจ คดีไม่คืบ
แต่ผ่านไปสักพัก เพื่อนสาวกับแฟนพากันลงมา อ้างว่าแม่ตาม ทิ้งให้ลูกสาวอยู่กับชาย 4 คน ก่อนที่ทั้ง 4 จะเข้ามาจับแขนขา ทำอนาจารและขืนใจกระทั่งสำเร็จความใคร่ทั้ง 4 คน หลังเวลาผ่านไปเกือบครึ่งเดือน แม่เด็กหญิงรู้ ได้ติดต่อไปถามเพื่อนสาวคนเดิม ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนจะตามไปที่บ้านพักของ 4 เยาวชนชาย ให้นิติพาผู้ปกครองและเด็กออกมาพูดคุย
โดยทั้ง 4 คนยอมรับสารภาพว่าเป็นเรื่องจริงและผู้ปกครองยื่นข้อเสนอชดเชยเยียวยา พร้อมขอให้จบเรื่องไม่ต้องไปแจ้งความ แต่แม่เด็กหญิงไม่อยากได้เงินเยียวยา อยากแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยในวันถัดไปแม่เด็กหญิงผู้เสียหาย พยายามติดต่อผู้ปกครองของเยาวชนชายที่เหลืออีก 3 คน แต่ถูกถามกลับว่าที่กล่าวหาลูกชายของเขามีหลักฐานไหม มีคลิปวิดีโอไหม พยายามเบี่ยงเบนว่า ที่ลูกชายสารภาพเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับให้พูด
หลังจากเจรจากันไม่เป็นผล แม่ของเด็กหญิงจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบ่อ ในวันที่ 23 ธ.ค. 67 แต่จนถึงตอนนี้คดีไม่คืบหน้า มีการพูดคุยเพียงวันเดียว ทางร้อยเวรแจ้งว่า ไม่มีผลตรวจร่างกาย ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าคดีต่อได้ และมีเยาวชนชายผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวที่แจ้งความประสงค์ต้องการเยียวยา ส่วนคนอื่น ๆ อีก 3 คนยังนิ่งเฉย อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังไปโรงเรียนกันตามปกติ โดยที่โรงเรียนทราบเรื่องแต่ก็นิ่งเฉย ส่วนเด็กหญิงผู้ถูกกระทำกลับต้องจมอยู่กับความทุกข์ไม่กล้าไปโรงเรียน ไม่ได้เรียน ไม่ได้เข้าสอบ เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อเป็นหนึ่ง กล่าวว่า แม่ของน้องทักมาขอความช่วยเหลือกรณีลูกสาวถูกเยาวชนชาย 4 คนรุมโทรม โดยก่อนหน้านี้ แม่น้องได้ไปติดตามตัวผู้ปกครองและ 4 เยาวชน ที่ทางหมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ หลังจากที่ได้พูดคุยกับเด็กทั้ง 4 คนรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง และบอกว่าจะรับผิดชอบเยียวยาให้ ขอไม่ให้แจ้งตำรวจ แต่แม่ของน้องไม่อยากรับการเยียวยา อยากให้เป็นคดีความ อยากให้ทั้ง 4 เยาวชนได้ชดใช้ความผิด แต่หลังจากแจ้งความแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ตนกับทีมงานจึงพาแม่กับน้องเดินทางมาขอพบ ผกก.สภ.บางบ่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี
ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 โดน 4 เพื่อนชายรุมขืนใจ คดีไม่คืบ
ด้าน พ.ต.ท.ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางบ่อ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางบ่อ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจและหลังจากที่ได้รับแจ้งก็มีการส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายตามขั้นตอน ซึ่งในตอนแรกยังไม่ทราบชื่อจริงและห้องพักของผู้ก่อเหตุ กระทั่งติดตามออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวน อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะผลตรวจร่างกายของผู้เสียหาย ขณะนี้ได้มาแล้ว และได้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะต้องดำเนินการต่อหน้าสหวิชาชีพทั้งสองฝ่าย
ส่วนการแจ้งข้อหาจะประกอบด้วย ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ร่วมกันพรากผู้เยาว์ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันโทรมหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี หลังจากนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนบูรณาการ เร่งทำคดีนี้แล้ว ส่วนประเด็นเพื่อนหญิงของผู้เสียหายที่พาไปนั้น จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำก่อน ส่วนผู้ปกครองของเยาวชนชาย 4 คนที่ก่อเหตุ หากพบว่าปล่อยปละละเลยหรือยุยงส่งเสริมให้บุตรหลานกระทำความผิด ก็อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.เด็กและเยาวชนด้วยเช่นกัน
ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 โดน 4 เพื่อนชายรุมขืนใจ คดีไม่คืบ
จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมให้เด็กหญิงผู้เสียหายชี้จุดที่ถูกกระทำ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ จะเรียกตัวผู้ปกครองและเยาวชนชายทั้ง 4 คน เข้ามาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาล พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
2025.3.5 ตำรวจ สภ.อุดรธานี ตามรวบแล้ว ชายหญิงป่วยจิตเวช นั่งเสพยาบ้าข้างรั้วโรงเรียน
ตำรวจอุดรธานีตามรวบแล้ว ชายหญิงป่วยจิตเวช นั่งเสพยาบ้าข้างรั้วโรงเรียน หลังครูแจ้งร้องทุกข์ หวั่นเด็กไม่ปลอดภัย-เกิดการเลียนแบบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 มีนาคม 2568 ขณะที่ ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 มีชายหญิงสติไม่สมประกอบ นั่งเสพยาบ้าอยู่ริมรั้วโรงเรียนเทศบาล 7 (รถไฟสงเคราะห์) ถนนทองใหญ่ เขตเทศบาลนครอุดรธานี เกรงว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็กนักเรียน และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเด็กนักเรียน
สายตรวจ 191 จึงรุดไปตรวจสอบ พบจ่าสิบเอกวิทยา เหี้ยมเหิน อายุ 32 ปี ครูดนตรีโรงเรียนเทศบาล 7 ยืนรออยู่หน้าโรงเรียน และชี้ไฟแช็กที่ใช้จุดเสพยา พร้อมกับเล่าว่า ตนเข้าเวรหน้าโรงเรียนพอดี เห็นคนแจ้งลงในเพจ ว่ามีคนนั่งเสพยาบ้าติดรั้วโรงเรียน จึงเดินมาดูพบ ผู้หญิงกำลังเสพยาบ้า ส่วนชายก็ยืนมอง ตนจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังเสพยาเสร็จ ผู้หญิงเดินไปที่หน้าประตูโรงเรียน ส่วนผู้ชายเดินไปทางถนนวัฒนานุวงศ์ ซึ่งทั้งสองคนนี้จะมานั่งที่นี่ประจำ ทางโรงเรียนจึงให้คณะครูคอยสอดส่องดูแลนักเรียนในช่วงก่อนเข้าเรียน และหลังเลิกเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่เทศกิจก็มาช่วยดูแลเป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ตำรวจ สภ.อุดรธานี ตามรวบแล้ว ชายหญิงป่วยจิตเวช นั่งเสพยาบ้าข้างรั้วโรงเรียน
ตำรวจจึงเดินไปบริเวณรั้ว พบไฟแช็ก 1 อัน และเดินไปที่ประตูโรงเรียน พบผู้หญิงซึ่งมีลักษณะแต่งตัวมอมแมม สะพายย่าม และกระเป๋าหลายใบ ผมกระเซิง สอบถามว่าชื่ออะไร มาจากไหน พูดภาษาไทยสำเนียงเขมร แต่พูดไม่รู้เรื่อง จึงนำตัวขึ้นรถกระบะตราโล่ และขับรถตามหาผู้ชายอีกราย พบเดินอยู่บนถนนวัฒนานุวงศ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ห่างจากโรงเรียนประมาณ 500 เมตร ซึ่งก็พูดจาไม่รู้เรื่องเช่นกัน คาดว่าจะเสพยาเสพติดจนมีอาการทางจิตเวช จึงควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนที่โรงพัก
ตำรวจ สภ.อุดรธานี ตามรวบแล้ว ชายหญิงป่วยจิตเวช นั่งเสพยาบ้าข้างรั้วโรงเรียน
ร.ต.อ. ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ชื่อคำหล้า อายุ 35 ปี เป็นชาวกัมพูชา มีสามีเป็นชาวไทย มีอาการทางจิตประสาท และมีญาติอยู่บ้านโคกนาคลอง ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตำรวจเคยนำตัวไปส่งที่บ้านญาติแล้ว 1 ครั้ง และจะได้นำตัวไปส่งญาติอีก เพื่อนำตัวไปรักษา ส่วนผู้ชายอ้างว่า ชื่อนายวัฒนา อายุประมาณ 20-25 ปี เป็นชาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ซึ่งตำรวจจะได้ติดต่อญาติให้มารับตัวไปบำบัดอาการเสพยา และรักษาอาการทางจิตเวชต่อไป.
2025.3.4 ตร.บุกบ้าน “มินนี่” ไฮโซสาวที่ จ.เลย พร้อมจับกุมเจ้าตัวที่ กทม. ขยายผลคดีเว็บพนัน
วันที่ 4 มีนาคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ตำรวจจาก บช.สอท. เข้าปฏิบัติการตรวจค้นพร้อมหมายค้น 9 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายพนันออนไลน์มินนี่ โดยมีหมายจับมากกว่า 30 รายการ
หนึ่งในจุดที่สำคัญคือการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ธันยนันท์ (สงวนนามสกุล) หรือ “มินนี่” ในจังหวัดเลย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเธอไม่อยู่ที่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดวัตถุพยานสำคัญในคดีเพื่อนำไปตรวจสอบ ส่วนอีกทีมได้กระจายกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ดูแลบัญชีและบัญชีม้าในเครือข่ายจำนวนหนึ่ง
อีกจุดหนึ่งในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้พบตัว น.ส.ธันยนันท์ และทำการแสดงหมายจับ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวน ซึ่งการปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นหลังจากชุดสืบสวน บช.สอท. ได้ทำการสืบสวนและพบว่าเครือข่ายของมินนี่ยังคงลักลอบดำเนินการเปิดเว็บพนันออนไลน์ต่อไป แม้จะมีการเปลี่ยนชื่อ URL และชื่อเว็บเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ไม่ย่อท้อ เมื่อพบเบาะแสและพยานหลักฐานจนสามารถขอหมายค้นและออกหมายจับมินนี่และพวกได้มากกว่า 30 คน รวมถึงเจ้าของเว็บ, แอดมิน, ผู้ดูแลการเงิน และผู้ที่ได้รับประโยชน์ รวมถึงบัญชีม้าในขบวนการทั้งหมด
สำหรับ น.ส.ธันยนันท์ หรือ “มินนี่” เคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 โดยถูกจับในข้อหาพนันออนไลน์และฟอกเงิน ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางจำนวนมาก อาทิ สมุดบัญชีธนาคารพาณิชย์ 100 รายการ, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 55 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 30 เครื่อง, เงินสด 920,000 บาท, คอมพิวเตอร์, ไอแพด และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตหลายรายการ ซึ่งพบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท
2025.3.2 ผงะ! เพื่อนบ้านพบศพผู้ชายดับคาซอกกำแพงแคบ
เพื่อนบ้านผงะ! พบศพติดอยู่ในซอกกำแพงกว้าง 20 ซม. คาดเมาแล้วปีนขึ้นไปฉี่กลางดึก พลัดตกขาดอากาศหายใจ ระบุสาเหตุคาดเมาเหล้า
2 มี.ค.2568 – เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศพติดอยู่ในซอกกำแพงหลังห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่ บ.ขวาว ต.บ้านชบ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ หน่วยกู้ภัยสว่างซาเซียกงธรรมสถานสุรินทร์จึงเดินทางไป ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมพร ดียิ่ง อายุ 56 ปี สภาพศพติดอยู่ภายในซอกกำแพงของห้องเช่า ซึ่งมีความกว้างประมาณ 20 ซม. เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยกศพออกมาได้ จำเป็นต้องเดินอ้อมไปด้านหลังซึ่งเป็นป่ารกเพื่อทุบกำแพง และยกศพออกมา จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 7-8 ชม.
จากการสอบถาม นายประภากร พื้นผา อายุ 40 ปี ( เพื่อนข้างห้อง และผู้พบศพเป็นคนแรก ) ระบุว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณเกือบๆ 10 โมงเช้าตนเองได้ยินเสียงเปิดน้ำทิ้งไว้ ก็เลยว่าจะเดินมาเรียกดู แต่เมื่อส่องเข้าไปในห้อง ก็ไม่เห็นมีคนอยู่ในห้อง แต่กลอนถูกล็อคจากด้านใน ตนเองรู้สึกแปลกๆก็เลยเดินขึ้นไปบนชั้น 2 แล้วชะโงกหน้าต่างดู ก็เลยเห็นว่านายสมพร ติดอยู่ในซอกกำแพง ก่อนจะรีบโทรเรียกกู้ภัยมา
โดยนายประภากร ยังระบุว่า นายสมพร ชอบดื่มเหล้าเมาเป็นประจำ และเวลาเมาก็ชอบปีนกำแพงขึ้นไปยืนฉี่ ตนเองคาดว่าน่าจะพลัดตกลงไป ด้วยความแคบของกำแพงจึงทำให้ขาดอากาศหายใจ และไม่มีใครช่วยได้ทัน ตนเองก็สันนิฐานว่า นายสมพรน่าจะพลัดตกลงไปช่วงประมาณ ตี 1 – ตี 2 เพราะตนเองคล้ายกับได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะกำแพง แต่ก็ไม่ได้แอะใจ มาพบว่าเป็นศพอีกทีก็เกือบ 10 โมงแล้ว.
发表回复