泰警行动抓获9名中国籍大案逃犯 2023.6.14……【媒体报道】泰国国家警察总署已下令请泰国移民局配合警方协助中华人民共和国驻泰国大使馆逮捕9名在泰中国籍逃犯,并将其遣送回中国。
根据中国发出的逮捕令,9名嫌疑人具体信息如下:
三人涉嫌诈骗罪,目前均已撤销其泰国居留许可,即:GAO QING,男,48岁,中国籍;JIAN KUN,男,48岁,中国籍;HONG YONG,女,41岁,中国籍。上述三人与ACE 网站开发人员一同宣传“ACE King”股票,以 “低风险、高回报”为由头,吸引会员投资,吸引会员超25万人次,诱骗会员以远高于市场价的价格购买“ACE King”股票,诈骗金额共23亿元人民币(约合115亿泰铢)。
两人涉嫌合同欺诈罪,即:LIANG,男,27岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可;LI HAO,男,34岁,中国籍,签证已逾期涉嫌非法滞留泰国。上述两人于2022年4月至5月,假借一公司名义欺骗受害人签订茅台采购合同,受害人按照合同约定支付茅台采购款675万元人民币(约合3370万泰铢)但梁某二人并未向被害人发货。
两人涉嫌洗钱罪,即:WEI,男,41岁,中国籍,已撤销其居留许可,WEI多次使用违法所得钱款购买黄金,掩盖其违法行为并清洗非法获得的收益;KANG,男,28岁,中国籍,签证逾期涉嫌非法滞留泰国,同时KANG通过诈骗他人获取财物,并于2021年12月将诈骗资产存入他人银行账户,通过购买各种产品洗钱。
一人涉嫌利用职权谋取私利,DA LIN,男,42岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可。DA LIN,前家乐福(中国)管理有限公司食品采购和营销负责人,于2021年至2022年利用其职务之便,谋取公司资产超1500万元人民币(约合7500万泰铢)。
一人涉嫌非法经营,CHONG WEI,男,35岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可。CHONG WEI未经泰国政府批准,串通他人开发支付平台Oneda Pay,提供非法外汇交易谋取私利,非法谋利超2.8亿元人民币(约合14亿泰铢)。

泰国6月14日,据泰媒报道,泰国国家警察总署已下令请泰国移民局配合警方协助中华人民共和国驻泰国大使馆逮捕9名在泰中国籍逃犯,并将其遣送回中国。

泰国移民局将9名逃犯相关信息在移民局信息技术系统中进行查询发现,其中7名逃犯签证在有效期内,而2名逃犯签证已逾期涉嫌非法滞留,移民局已批准撤销签证尚未到期的7名逃犯在泰居留许可,并开始2023年第2次“扫除潜龙战略行动”。

根据中国发出的逮捕令,9名嫌疑人具体信息如下:
三人涉嫌诈骗罪,目前均已撤销其泰国居留许可,即:GAO QING,男,48岁,中国籍;JIAN KUN,男,48岁,中国籍;HONG YONG,女,41岁,中国籍。上述三人与ACE 网站开发人员一同宣传“ACE King”股票,以 “低风险、高回报”为由头,吸引会员投资,吸引会员超25万人次,诱骗会员以远高于市场价的价格购买“ACE King”股票,诈骗金额共23亿元人民币(约合115亿泰铢)。
两人涉嫌合同欺诈罪,即:LIANG,男,27岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可;LI HAO,男,34岁,中国籍,签证已逾期涉嫌非法滞留泰国。上述两人于2022年4月至5月,假借一公司名义欺骗受害人签订茅台采购合同,受害人按照合同约定支付茅台采购款675万元人民币(约合3370万泰铢)但梁某二人并未向被害人发货。
两人涉嫌洗钱罪,即:WEI,男,41岁,中国籍,已撤销其居留许可,WEI多次使用违法所得钱款购买黄金,掩盖其违法行为并清洗非法获得的收益;KANG,男,28岁,中国籍,签证逾期涉嫌非法滞留泰国,同时KANG通过诈骗他人获取财物,并于2021年12月将诈骗资产存入他人银行账户,通过购买各种产品洗钱。
一人涉嫌利用职权谋取私利,DA LIN,男,42岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可。DA LIN,前家乐福(中国)管理有限公司食品采购和营销负责人,于2021年至2022年利用其职务之便,谋取公司资产超1500万元人民币(约合7500万泰铢)。
一人涉嫌非法经营,CHONG WEI,男,35岁,中国籍,目前已撤销其泰国居留许可。CHONG WEI未经泰国政府批准,串通他人开发支付平台Oneda Pay,提供非法外汇交易谋取私利,非法谋利超2.8亿元人民币(约合14亿泰铢)。

上述7名被撤销居留许可的中国籍逃犯被送相关部门待遣送回中国,其余两名非法滞留人员将送往相关部门依法处理。


สตม. ลุยกวาดล้างมังกร ผู้ต้องหาสำคัญ 9 ราย หนีคดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน

14 มิ.ย. 2566 เวลา 17:41 น.

ตำรวจสตม.เปิดยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย จับชาวจีนหนีคดีกบดานในไทยตามหมายจับ 9 ราย พบความผิดคดีสำคัญ “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์และธุรกิจผิดกฎหมาย” ส่วนอีก 2 คดี ระดมกวาดล้างชาวจีน-ชาวกัมพูชา-ชาวเมียนมา ลักลอบเข้ามาทำงานในไทย

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) นำแถลงการการจับกุมคดีสำคัญ 3 คดี โดยคดีแรกจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 9 ราย ตามยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2  หลังจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ส่งกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน  ในจำนวนนี้แบ่งเป็นถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง 3 ราย ,ฉ้อโกงสัญญา 2 ราย ,ฟอกเงิน 2 ราย ,ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว 1 ราย และดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย 1 ราย

ทั้งนี้ หลังจับกุมได้ตรวจสอบพบมีเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย จึงอนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทย ก่อนส่ง กก.3  บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 หลังได้รับแจ้งว่า มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จะมีคนสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียนร่วมกันไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว จำนวน 35 คน

จากการตรวจสอบพบว่า คนจีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่า นักท่องเที่ยว จำนวน 32 คน วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และ คนประจำพาหนะ จำนวน 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน 

นอกจากนี้ ยังได้จับกุมแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้อีก 9 คน ซึ่งเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคน ต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย  เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหา คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่พักอาศัยของตนโดยมิชักช้าเมื่อครบระยะ 90 วัน จำนวน 1 คน

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากการสืบสวนขยายผล ขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก อาทิเช่น  สระแก้ว ฉะเชิงเทรา พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน  เอาตัวมาหลบซ่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม  จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ บริเวณจุด ซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 12 มิถุนายน 2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์โตโยต้า รีโว่สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 19 คน และพบตัวนายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน

นายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ ให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถประมาณ 1,500 บาทต่อ แรงงานหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละประมาณ 5,000 – 8,000 บาท


บก.สส.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2 

14/06/2023

บก.สส.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ     รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย   พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการกรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย กลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคน      เข้าเมือง  นำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 ราย ไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกวาดล้าง มังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ดังนี้

1. ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.1 นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

    1.2 นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

    1.3 นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

    โดยทั้ง 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หุ้น “ACE King” โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้ง  ทำโปรโมชั่นต่าง ๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น “ACE King” ในราคาที่      สูงกว่าราคาตลาดมาก สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 11,500 ล้านบาท)

2. ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่

2.1 นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

        2.2 นายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

    โดยทั้ง 2 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2     ได้ใช้บริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้า Maotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7 ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย

3. ข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่

3.1 นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย

    3.2 นายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่น ต่อมาช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อฟอกเงิน

4. ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี 2564 – 2565 นายต้าลิน ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management  Co., LTD. ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ 75 ล้านบาท)

5. ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน   ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท)

จากนั้น ได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราอาณาจักร จำนวน 7 ราย ส่ง กก.3    บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

评论

发表回复

您的邮箱地址不会被公开。 必填项已用 * 标注